HoonSmart.com>>เจาะสไตล์เล่นหุ้น IPO ของนักลงทุนรายใหญ่อย่าง”เสี่ยป๋อง”(วัชระ แก้วสว่าง)ที่เล่นตามกราฟเป็นหลัก แม้พื้นฐาน BTG จะดีแต่เทรดวันแรกราคาต่ำจองจากแรงขายหนัก ก็ต้องยอมตัดขายขาดทุนไปก่อนแล้วจ้องหาจังหวะเข้าซื้ออีกที เมื่อแรงขายหมด ยอมรับขายเกลี้ยงแล้ว ส่วน KCC ขายไปบางส่วน แต่พื้นฐานดียังอยากลงทุน ได้ส่วนต่างจะเข้าไปซื้ออีก ด้าน”เสี่ยปู่”(สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล)ได้ BTG นิดเดียวจะหาจังหวะขาย แม้จะขายขาดทุน มองกำไรปีนี้ดีกว่าปีก่อน ๆ แต่จะดีไปกว่านี้คงไม่่ง่าย ส่วน PCC ราคาตอนนี้ยังต่ำจอง-แต่เก็บหุ้นเพิ่มเพราะแนวโน้มกำไรโตดี
นายวัชระ แก้วสว่าง นักลงทุนรายใหญ่ที่รู้จักกันในนาม “เสี่ยป๋อง” กล่าวยอมรับว่าได้ขายหุ้นบริษัท เบทาโกร (BTG) ออกไปหมดแล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน (2 พ.ย.) ซึ่งเป็นวันเข้าเทรดวันแรกของ BTG โดยขายไปในราคา 39 บาทกว่า ๆ ยอมขายขาดทุน จากราคาขาย IPO อยู่ที่ 40 บาท
“เราดูตามทรงกราฟแล้วเลยเลือกขายก่อน แล้วค่อยหาจังหวะกลับไปซื้ออีก เพราะหุ้น BTG เป็นหุ้นที่มีพื้นฐานดี บริษัทสามารถทำกำไรได้เยอะ และทำธุรกิจมานานแล้ว คนให้การยอมรับ แต่ก็เคารพคนขาย เห็นเขาขายกัน ทำไมขายก็ไม่รู้ ก็เลยขายขาดทุนไปแถว 39 บาทกว่า ขาดทุนนิดเหน่อย ซึ่งผมก็ได้หุ้น IPO มาตามวอลุ่มเทรด ได้มาประมาณหลักล้านหุ้น”
เสี่ยป๋อง กล่าวต่อว่า เป็นธรรมชาติของหุ้น IPO ขนาดใหญ่ที่มีคนลงทุนมาก จึงควบคุมได้ยาก ซึ่งตลาดขายกันอาจมองว่าแพง ตอนนี้จึงต้องรอดูตลาด และผู้ถือหุ้นจะให้มูลค่า (Value) เท่าไร ซึ่งแรงขายหมดเมื่อไร ก็พร้อมที่จะกลับเข้าไปซื้อ หุ้นตัวนี้มูลค่าเป็นแสนล้าน ดังนั้นจึงต้องเป็นผู้ตาม
สำหรับหุ้น บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) นายวัชระ เปิดเผยว่า ได้ขายออกไปบ้างเมื่อวันก่อนเล็กน้อย ตอนนี้ก็ยังถือหุ้นอยู่ ซึ่งเล่นตามกราฟเทคนิคเห็นท่าไม่ดีก็ขายตาม แต่ KCC เป็นหุ้นที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหนี้ อยู่ได้ตลอด ตอนนี้ก็แค่ทยอยขายลดพอร์ตไปก่อน พอได้ส่วนต่างก็จะรับคืน
นายสมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล นักลงทุนรายใหญ่เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อ “เสี่ยปู่” เปิดเผยถึงแนวทางการลงทุนจะมองไปที่แนวโน้มกำไรเติบโต และยั่งยืนเป็นหลัก ซึ่งหุ้นที่จะถือลงทุนระยะยาว จะต้องมีแนวโน้มกำไรที่มีการเติบโตดี อย่างหุ้น KCC ยังคงถือหุ้นอยู่และที่ผ่านมา ได้เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มเข้ามาในพอร์ตอีก 5-6 ล้านหุ้น (จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ล่าสุดเมื่อ 28 เม.ย.65 เสี่ยปู่ ถือหุ้น KCC จำนวน 10,842,900 หุ้น หรือ 1.75%) แม้ว่าระยะสั้น KCC กำไรจะไม่ดี จากการตั้งสำรองฯจากการเข้าไปซื้อหนี้มาบริหาร แต่ระยะกลาง-ยาวกำไรน่าจะเติบโตดี จึงยังไม่คิดที่จะขายหุ้น KCC ออกมา
ส่วนหุ้น BTG ได้มาเล็กน้อยแค่ 35,000 หุ้น เข้าเทรดวันแรกก็ต่ำกว่าราคาขาย IPO คงเป็นเพราะราคาขาย IPO แพงไป ตอนนี้จะหาจังหวะขาย ต้องยอมตัดขายขาดทุนไป แม้ราคาหุ้นจะยังไม่ยืนเหนือราคาขาย IPO และหุ้นตัวนี้ไม่เน้นลงทุนเท่าไร แม้ว่ากำไรปี 2565 จะดีกว่าปีก่อน ๆ มาก แต่มองว่าจะดีไปกว่านี้คงจะไม่ง่าย ต้องใช้เวลา จึงจะขายออกไปกอ่น
เสี่ยปู่ กล่าวว่า การลงทุนหุ้น IPO หลักๆดูกำไรจะต้องเติบโตและยั่งยืน อย่างหุ้น บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) ตอนนี้ก็ยังถือลงทุนอยู่ แม้ราคาหุ้นจะต่ำกว่าราคาขาย IPO ที่ 4 บาทต่อหุ้น แต่ได้มีการเข้าไปซื้อเพิ่มแถวราคา 3.20-3.30 บาท ซึ่งหุ้นตัวนี้ขาย IPO ไม่แพง แต่ไม่มีคนถือลงทุน ทั้งที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี โดยรวมตอนนี้ถือหุ้น PCC อยู่กว่า 20 ล้านหุ้น และถ้าราคาหุ้นปรับตัวลงอีกก็จะเข้าไปซื้อลงทุนเพิ่มอีก