ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เอสจี แคปปิตอล” ขายไอพีโอ 820 ล้านหุ้น เข้า SET

HoonSmart.com>> ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “เอสจี แคปปิตอล (SGC)” เตรียมเสนอขายหุ้น IPO 820 ล้านหุ้น คาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) ปี 65 นี้ ระดมทุนขยายขีดความสามารถการให้บริการผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่หลากหลาย ชูโรงด้วยสินเชื่อรถทำเงิน ตั้งเป้าปี 69 ดันพอร์ตสินเชื่อแตะ 50,000 ล้านบาท

บุษบา กุลศิริธรรม

นางสาวบุษบา กุลศิริธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากที่ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2565 และนับหนึ่งแบบไฟลิ่งเรียบร้อยแล้วในวันที่ 28 ต.ค.2565 เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต และขยายธุรกิจสินเชื่อภายใต้วิสัยทัศน์ ‘เป็นผู้นำในธุรกิจผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน’ ที่ขยายตัวไปยังผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ เพื่อให้ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าในประเทศ และสร้างการเติบโตของบริษัทอย่างยั่งยืนในฐานะผู้นำด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีหลักประกัน โดยมุ่งเน้นการขยายธุรกิจด้านสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันโดยเฉพาะรถบรรทุก และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่ดีกับสินค้าและบริการในเครือซิงเกอร์ประเทศไทย พร้อมทั้งสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ

บริษัทฯ วางเป้าหมายการเติบโตของมูลค่าลูกหนี้พอร์ตสินเชื่อทะยานสู่ 50,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 จาก ณ สิ้นงวดครึ่งปีแรกของปี 2565 มีมูลค่าลูกหนี้ 13,808.66 ล้านบาท

สำหรับผลิตภัณฑ์ของ SGC ประกอบด้วย (1) สินเชื่อประเภทให้เช่าซื้อรถยนต์แบบโอนกรรมสิทธิ์เล่มทะเบียน และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (รถบรรทุก รถยนต์นั่ง ส่วนบุคคล รถยนต์เพื่อการพาณิชย์) ภายใต้แบรนด์ “รถทำเงิน” (2) สินเชื่อเช่าซื้ออุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในครัวเรือน (Home Appliances) เครื่องใช้ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ (Commercial Appliances) และ เครื่องจักร (Captive Finance) (3) สินเชื่อสวัสดิการพนักงาน (Debt Consolidation) และ (4) สินเชื่อผ่อนทอง (Click2Gold)

อย่างไรก็ดี SGC มั่นใจว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และการเติบโตของผลการดำเนินงานต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน สะท้อนความเชื่อมั่นต่อลูกค้า และความสำเร็จของกลยุทธ์การขยายธุรกิจด้านสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน ตอกย้ำ SGC เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดสินเชื่อและสินเชื่อเช่าซื้อสินค้าที่ครองใจผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคในประเทศไทย ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม บริษัท เอสจี แคปปิตอล (SGC) กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2565 และนับหนึ่งแบบไฟลิ่งของ SGC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 28 ต.ค.2565 ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์

บริษัทฯ จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 820 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.08% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ประกอบด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 574 ล้านหุ้น (หรือคิดเป็นประมาณ 70% ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายทั้งหมด) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) ที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้น โดยให้ Pre-emptive Right ในอัตราส่วน 1.4326 หุ้นสามัญของบริษัทต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SGC ในราคาเสนอขายเดียวกับราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ SGC ให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO)

บริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับราคาเสนอขาย ระยะเวลา และวิธีจองซื้อหุ้น รวมถึงรายละเอียดที่เกี่ยวข้องและความคืบหน้าอื่นๆ ในลำดับต่อไป ทั้งนี้ SINGER ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้น SGC ก่อน IPO 100% และภายหลัง IPO จะมีสัดส่วนการถือหุ้น 74.92%

นายธีร์ จารุศร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินร่วม กล่าวเสริมว่า SGC จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้ง ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ บางส่วน เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโต และข้อจำกัดด้านต้นทุนทางการเงินที่คาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ สนับสนุนความน่าสนใจให้ SGC มีแนวโน้มผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งต่อเนื่องในอนาคต

ผลการดำเนินงานของ SGC ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 มีรายได้รวม 1,030.68 ล้านบาท เติบโต 18.36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายได้ดอกเบี้ย ประกอบด้วย รายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อรถทำเงิน 46.57% และรายได้ดอกเบี้ยจากสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องจักร สัดส่วน 50.42% และมีกำไรสุทธิ 306.91 ล้านบาท ขณะที่ปี 2564 SGC มีรายได้รวม 1,781.82 ล้านบาท กำไรสุทธิอยู่ที่ 593.03 ล้านบาท ตามลำดับ