KTAM มัดรวมกองทุนเซฟภาษี ลงทุนโค้งสุดท้ายปี 67

HoonSmart.com>> เข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของปี 67 โอกาสลงทุนกองทุนประหยัดภาษี “SSF-RMF-ThaiESG” ที่ “บลจ.กรุงไทย” คัดสรร “กองทุนเด็ด” มาแนะนำช่วยตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่ม ตั้งแต่รับความเสี่ยงได้ “ต่ำ” ไปจนถึงเสี่ยง “สูง” พร้อมสร้างการเติบโตในระยะยาวและรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีในปีนี้
 

 

นับถอยหลังลงทุน “กองทุนประหยัดภาษี” ปี 67 หากพลาดโอกาสถือว่าน่าเสียดาย สำหรับสิทธิ์ประโยชน์ทางภาษีเพิ่มขึ้นในปีนี้ หลังภาครัฐปรับเงื่อนไขกองทุน ThaiESG ใหม่ ลงทุนสั้นลงเหลือ 5 ปี จากเดิม 8 ปี และลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ทั้งปีหรือวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3 แสนบาท จากเดิม 2 แสนบาท ซึ่งไม่นับรวมกองทุน SSF-RMF กับการลงทุนเพื่อการเกษียณอื่นๆ และประกันแบบบำนาญ ซึ่งวงเงินลดหย่อนไม่เกิน 5 แสนบาท

สำหรับ “กองทุนเด็ด” ที่บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM ได้คัดมาให้ในปีนี้ ช่วยตอบโจทย์นักลงทุนทุกกลุ่มตั้งแต่ “รับความเสี่ยงได้น้อย เสี่ยงปานกลาง ไปจนถึงเสี่ยงสูง” ซึ่งครอบคลุมการลงทุนในหลายสินทรัพย์ ทั้งพันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นยั่งยืนและหุ้นต่างประเทศ รวมถึงกองทรัสต์ อสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก

เริ่มต้นด้วยกองทุน “หุ้น” เอาใจนักลงทุนสายลุย รับความผันผวนได้และต้องการลงทุนหุ้นในระยะยาว เพื่อสร้างโอกาสเติบโตของเงินลงทุน มี 7 กองทุนแนะนำ ทั้งกองทุน RMF , SSF และกองทุน ThaiESG
 

“หุ้นสหรัฐฯ ขนาดใหญ่ เติบโตดี คุณภาพสูง”

กองทุน “KT-US RMF” หรือ “กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” และ กองทุน “KT-US-SSF” หรือ “กองทุนเปิดเคแทม ยูเอส โกรท อิควิตี้ ฟันด์”

กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน AB American Growth Portfolio (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นของบริษัทในสหรัฐฯ ที่มีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มในการเติบโตดี มีคุณภาพสูง

จากมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังเติบโตได้ดี ภาพตลาดแรงงานยังค่อนข้างแข็งแกร่ง ทิศทางดอกเบี้ยขาลง รวมถึงผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆ ยังสูงกว่าที่คาด ถึงแม้ว่าอาจมีความผันผวนจากนโยบายของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใหม่

 
“หุ้นโลก ผันผวนต่ำ รับมือความผันผวน”

กองทุน “KT-WEQ RMF” หรือ “กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” และกองทุน “KT-WEQ-SSF” หรือ “กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ อิควิตี้ ฟันด์ ชนิดเพื่อการออม”

กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 6 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนใน AB Low Volatility Equity Portfolio (กองทุนหลัก) ซึ่งกระจายลงทุนในหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี มีความผันผวนต่ำและมีความเสี่ยงในการปรับตัวลงในระดับที่ตํ่า โดยกองทุนจะเน้นลงทุนหุ้นที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วเป็นหลัก รวมถึงกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่

สำหรับนักลงทุนที่อยากตั้งรับ “ความผันผวน” ของตลาดที่อาจมีเป็นระยะๆ ด้วยราคาหุ้น โดยเฉพาะในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวขึ้นมามากจนราคาไม่ได้ถูกมากนัก ขณะเดียวกันเศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ Soft Landing ดอกเบี้ยที่ยังเป็นขาลง ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังเติบโตต่อไปในระยะยาว กองทุน KT-WEQ RMF

 
“หุ้นอสังหาฯ-กองทรัสต์ในสหรัฐฯ รับกระแสเงินสดต่อเนื่อง”

กองทุน “KT-PROPERTY RMF” หรือ “กองทุนเปิด เคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” และกองทุน “KT-Property-SSF” หรือ “กองทุนเปิดเคแทม เวิลด์ พร็อพเพอร์ตี้ ฟันด์ (ชนิดเพื่อการออม)”

กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 7 (ความเสี่ยงสูง) เน้นลงทุนใน Henderson Global Property Equities Fund (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้น หรือกองทรัสต์ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่มีการกำกับดูแล ที่มีรายได้หลักจากการเป็นเจ้าของ บริหารจัดการ และ/หรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

“จุดเด่นของกองทุนมุ่งเน้นรายได้ในรูปแบบของกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง ผ่านการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะในอเมริกาเหนือ มีการกระจายความเสี่ยงในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าเป็นที่อยู่อาศัย พาณิชยกรรมหรืออสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม อีกทั้งการบริหารจัดการกองทุนแบบเชิงรุก (Active Management) เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด”

สำหรับนักลงทุนที่มองหาการเติบโตระยะยาวจากการลงทุน “อสังหาริมทรัพย์” สร้างรายได้ที่มั่นคงและสม่ำเสมอจากค่าเช่า ขณะที่ความต้องการอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมที่เติบโตตามธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และกลุ่มเพื่อการดูแลสุขภาพ-ผู้สูงอายุที่เติบโตตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น โอกาสสร้างผลตอบแทนจากราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น

 
“หุ้นยั่งยืน” ไทย เติบโตไปกับธีม ESG

ในส่วน “ตลาดหุ้นไทย” ดัชนีปรับตัวลดลงมา เป็นโอกาสสะสมและลงทุนหุ้นในระยะยาว สอดคล้องกับการลงทุนในกองทุนประหยัดภาษี สำหรับกองทุน ThaiESG (กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน) ที่ต้องถือลงทุน 5 ปี ประกอบกับหุ้นกลุ่ม ESG มีแนวโน้มเติบโตได้ต่อเนื่องจาก Fund Flow ที่มีแนวโน้มจะไหลเข้าสู่หุ้น ESG มากขึ้น และจากความได้เปรียบในการทำธุรกิจที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ได้รับแรงสนับสนุนจากภาครัฐและความร่วมมือกันในระดับโลก

ขณะที่แนวโน้มเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวในปีหน้า โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะเคิบโตเพิ่มขึ้นเป็น 2.9% ในปี 2568 จากปี 2567 นี้ที่คาดว่าจะเติบโต 2.8% ทำให้ “กองทุนหุ้นไทย” ยังน่าสนใจ โดยเฉพาะหุ้นยั่งยืน

แนะนำ กองทุน “KTAG-ThaiESG” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทย ESG A Grade ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน”

กองทุนมีระดับความเสี่ยง 6 (ความเสี่ยงสูง) ลงทุนใน “หุ้นยั่งยืน” ไทย โดยลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ที่มี SET ESG Ratings ระดับ A ขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

 
“กองทุนผสม” บาลานซ์พอร์ตลงทุนหุ้น-ตราสารหนี้

ถัดมาในกลุ่ม “กองทุนผสม” ลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบ “สายกลาง” สร้างความบาลานซ์ของพอร์ตการลงทุน แนะนำกองทุน “RMF1” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทยผสมเพื่อการเลี้ยงชีพ” ความเสี่ยงระดับ 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) โดยกองทุนกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ เงินฝากในไทย หรือทรัพย์สินอื่น ตามที่สํานักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. กําหนด โดยผู้จัดการกองทุนจะปรับสัดส่วนการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ

หากขยับความเสี่ยงจากการลงทุนในประเทศ เพื่อหาโอกาสสร้างการเติบโตจากตลาดต่างประเทศ แนะนำ กองทุน “KTWC-MODERATE RMF” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทย World Class Moderate เพื่อการเลี้ยงชีพ” และกองทุน “KTWC-MODERATE-SSF” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทย World Class Moderate (ชนิดเพื่อการออม)”

กองทุนมีระดับความเสี่ยง 5 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง) เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมและ/หรือ ETF ในต่าประเทศ ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตราสารทุน ตราสารหนี้ ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ทรัพย์สินทางเลือก เงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝาก ทั้งนี้ กองทุนจะลงทุนอย่างน้อยตั้งแต่ 2 กองทุนขึ้นไป โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

จุดเด่นของกองทุน ซึ่งเป็นกองทุนผสมทั่วโลกคุณภาพดี เน้นสมดุล คุมความเสี่ยง ลงทุนเฉลี่ยในตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50% มีผู้เชี่ยวชาญการลงทุนระดับโลกเลือกลงทุนให้ สามารถลงทุนได้ทุกสภาวะตลาด โดยไม่ต้องปรับพอร์ตเอง ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ

 
“กองทุนตราสารหนี้” รับดอกเบี้ยขาลง

แนวโน้ม “ดอกเบี้ยนโยบายโลก” ที่เป็น “ขาลง” หลังจากคงที่ในระดับสูงมานาน ขณะที่ดอกเบี้ยนโยบาย “ในประเทศ” ยังอยู่ในทิศทาง “ทรงตัวและมีโอกาสปรับลดลง” ในอนาคต ส่งผลให้ผลตอบแทนในประเทศอาจจะปรับไปในทิศทางเดียวกับผลตอบแทนในต่างประเทศ การลงทุนใน “ตราสารหนี้” จึงยังน่าสนใจ

กลุ่มกองทุน “ตราสารหนี้” ช่วยตอบโจทย์สายเซฟ แนะนำ 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนตรรสารหนี้ในประเทศ อย่างกองทุน “RMF2” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้เพื่อการเลี้ยงชีพ”

กองทุนมีความเสี่ยงระดับ 4 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เน้นลงทุนในพันธบัตร และ/หรือตราสารหนี้ในประเทศที่มีความมั่นคง ซึ่งรวมถึงพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หุ้นกู้ และตราสารหนี้อื่น ๆ รวมทั้งเงินฝาก

กองทุน “KTFIXPLUS-SSF” ความเสี่ยงระดับ 4 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เน้นลงทุนในตราสารหนี้ทั้งในและต่างประเทศ โดยจะลงทุนในต่างประเทศไม่เกิน 50% ของ NAV ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายจัดการ Portfolio Duration ที่ยืดหยุ่นเพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

ปิดท้ายที่กองทุน “KTESGSI-ThaiESG” หรือ “กองทุนเปิดกรุงไทย ตราสารภาครัฐ ESG ชนิดไทยเพื่อความยั่งยืน” ความเสี่ยงระดับ 3 (ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างต่ำ) เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งเป็นพันธบัตรหรือหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม / เพื่อความยั่งยืน / เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV

ทั้งนี้ กองทุน KTFIXPLUS-SSF, KT-US RMF, KT-US-SSF, KT-WEQ RMF, KT-WEQ-SSF, KT-Property RMF และ KT-Property-SSF) มีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน (ยกเว้น KTFIXPLUS-SSF ที่มีการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน) / ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน SSF, RMF และ ThaiESG และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ หากลงทุนไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนด อาจต้องคืนสิทธิประโยชน์ทางภาษีและเสียเงินเพิ่ม

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ บลจ.กรุงไทย โทร 02 686 6100 กด 9 หรือศึกษารายละเอียดได้ที่ http://www.ktam.co.th

พร้อมโปรโมชันตั้งแต่วันนี้ – 30 ธ.ค. 2567 นี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทุนในกองทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ร่วมรายการ ทุก ๆ 50,000 บาท จะได้รับหน่วยลงทุน KTSTPLUS 100 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด) ศึกษาข้อมูลโปรโมชัน SSF-RMF เพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/4asEHig