BGRIM คว้างานระบบไฟฟ้า-น้ำเย็นสนามบินอู่ตะเภา

“บี.กริม เพาเวอร์” เผยกองทัพเรือเลือกดำเนินโครงการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น พื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ก่อสร้างโรงไฟฟ้าระยะที่ 1 โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์

บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 กองทัพเรือได้มีหนังสือแสดงเจตนารมณ์และแจ้งผลการคัดเลือกผู้ประกอบการเพื่อดำเนินโครงการระบบไฟฟ้าและน้ำเย็น พื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา โดยตกลงคัดเลือกข้อเสนอของบริษัทฯ สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในระยะที่ 1 (ก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์) และให้บริษัทเป็นผู้จัดทำรายละเอียดโครงการตามที่ได้ระบุไว้ในข้อกำหนดและขอบเขตของงาน (Term of Reference : TOR)

ทั้งนี้ ในส่วนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ตามข้อเสนอของบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะปฏิบัติงาน และร่วมพิจารณากับคณะกรรมการคัดเลือก กองทัพเรือ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อจัดหาพื้นที่ที่มีความเหมาะสมสำหรับการดำเนินโครงการดังกล่าวภายใต้ข้อกำหนดและขอบเขตงานโครงการตามข้อเสนอของบริษัทโดยถูกต้องครบถ้วนต่อไป

สำหรับข้อเสนอของบริษัทฯ ประกอบด้วย แผนการดำเนินงานโรงไฟฟ้ารูปแบบผสมผสาน (Hybrid) ซึ่งจะมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างความมั่นคงทางพลังงานสูงสุด โดยมีแผนการดำเนินโครงการเป็น 2 ระยะ แบ่งเป็น (ก) โครงการระยะที่ 1 ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน 15 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 50 เมกะวัตต์ชั่วโมง

(ข) โครงการระยะที่ 2 ประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม 80 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน และ/หรือติดตั้งบนหลังคาและ/หรือแบบลอยน้ำ 55 เมกะวัตต์ โดยมีระยะเวลาในการพัฒนาและดำเนินการก่อสร้างโครงการระยะที่ 1 ระหว่างปี 2561 – 2564 และโครงการระยะที่ 2 ระหว่างปี 2564 -2566

​นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ เปิดเผยว่า การดำเนินการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน (Hybrid) ระยะที่ 1 ตามข้อเสนอของบริษัทฯ นั้น ได้รับการคาดหมายว่า จะสามารถดำเนินการก่อสร้างและเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้กับพื้นที่รับผิดชอบหลักบริเวณท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และ พื้นที่รับผิดชอบรองในส่วนของกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ พร้อมทั้งจำหน่ายน้ำเย็นให้กับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ได้ภายในเดือนม.ค.2564 เพื่อเป็นการรองรับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคของท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและพื้นที่พัฒนาโดยรอบได้อย่างมั่นคง มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องต่อไป

“บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจ และมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ต่อการที่ BGRIM ได้รับโอกาสอันสำคัญยิ่งให้เป็นผู้พัฒนาระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าและน้ำเย็นในครั้งนี้ ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดเตรียมความพร้อมไว้แล้วทุกประการเพื่อให้ สามารถดำเนินงานอันจะเป็นการสนับสนุนและตอบสนองต่อนโยบายในการพัฒนาพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและพื้นที่โดยรอบดังกล่าวให้กับกองทัพเรือและรัฐบาลให้เป็นผลสำเร็จตามหน้าที่และความรับผิดชอบที่บริษัทฯ ได้รับมอบหมาย”นางปรียนาถ กล่าว