รพ.พระรามเก้า IPO 180 ล้านหุ้น เปิดจอง 16-19 ต.ค.

“รพ.พระรามเก้า” เปิดขายหุ้นไอพีโอไม่เกิน 180 ล้านหุ้นและอาจจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 20 ล้านหุ้น ดีเดย์ 16-19 ต.ค.นี้ บล.ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาคาดเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ไตรมาส 4 นี้ ชื่อย่อหุ้น PR9 ผู้บริหารเผยนำเงินขยายจำนวนเตียง ชูจุดแข็งและ 3 กลยุทธ์ที่วางไว้ หนุนเติบโตก้าวกระโดด

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย หุ้นบริษัทโรงพยาบางพระราม 9 กล่าวว่า บริษัทโรงพยายาลพระรามเก้า จะจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น ประกอบด้วย การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 167.50 ล้านหุ้น ให้แก่ประชาชนทั่วไป และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 12.50 ล้านหุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่กรรมการและ/หรือผู้บริหารที่เป็นผู้ก่อตั้งของบริษัทฯ และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน จำนวนไม่เกิน 20 ล้านหุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเปิดให้จองซื้อหุ้นได้ในวันที่ 16 – 19 ต.ค.นี้ และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์วันที่ 30 ต.ค.นี้ ภายใต้ชื่อย่อ PR9

“คาดว่าในวันที่ 4 ต.ค.2561 จะทำการสำรวจราคาซื้อหุ้นจากนักลงทุนสถาบัน (Book Build) เพื่อกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้น หลังจากนั้นคาดว่าจะสามารถกำหนดราคา IPO ได้ในคืนวันที่ 11 ต.ค. หรือเช้าวันที่ 12 ต.ค.นี้ ก่อนเปิดจองซื้อหุ้น IPO”นายอนุวัฒน์ กล่าว


สำหรับวัตถุประสงค์ในการระดมทุนของโรงพยาบาลฯ เพื่อสนับสนุนการก่อสร้างอาคารใหม่และการปรับปรุงอาคารปัจจุบัน สนับสนุนการก่อสร้างสถานที่สำหรับพนักงานและบุคลากรทางการแพทย์ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ การลงทุนอื่นๆ และการขยายธุรกิจของบริษัทฯ (ถ้ามี) และชำระคืนเงินกู้ยืม (ถ้ามี)

นพ.เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาล พระรามเก้า กล่าวว่า บริษัทฯ จะใช้จุดแข็งของโรงพยาบาลที่ดำเนินธุรกิจและให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยในระดับตติยภูมิ (Tertiary Care) หรือการรักษาโรคซับซ้อนมากว่า 26 ปี ประกอบด้วย 1.มีทีมแพทย์ที่มีความสามารถในการรักษาโรคซับซ้อน 2. ราคาให้บริการสมเหตุสมผล โดยรักษาช่องว่างค่ารักษาพยาบาล ต่างจากโรงพยาบาลชั้นนำ 20-30% และ 3.ทำเลที่ตั้งมีประชากรหนาแน่นและเป็นเมืองใหม่ มีกลุ่มลูกค้าคนจีนและต่างชาติมาใช้บริการมากขึ้น ภายใต้กลยุทธ์จะร่วมกับพันธมิตร 9 โรงพยาบาลส่งผู้ป่วยที่ต้องการผ่าตัดเปลี่ยนไตมายังโรงพยาบาลพระรามเก้า

“จุดแข็งของเราสามารถผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายไตได้อันดับต้นๆ ของโรงพยาบาลเอกชน เพราะมีทีมแพทย์ และได้รับใบรับรองจาก Joint Commission International ประเทศสหรัฐอเมริกา (JCI) เป็นแห่งแรกและแห่งเดียวของโลกที่อยู่ในสหรัฐ และสามารถจองคิวขอไตมาเปลี่ยนจากสภากาชาดได้และความสำเร็จจากการเปลี่ยนไตสูงถึง 95%”นพ.เสถียร กล่าว

อย่างไรก็ตามมองว่าการรักษาโรคยากและซับซ้อนทำให้ห้องไอซียูเต็มและสร้างรายได้ประมาณ 30% ของทั้งหมด เมื่อเทียบโรคซับซ้อน หัวใจ เบาหวานอยู่ที่ประมาณ 40-45% โดยบริษัทฯจะเพิ่มโครงสร้างรายได้มาให้ความสำคัญกับผู้ป่วยในมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วน 48% ต่อ 52% เพราะค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยในได้กำไรมากกว่า

สำหรับผลประกอบการในปี 2558-2560 มีรายได้รวม 1,996.4 ล้านบาท 2,272.5 ล้านบาท และ 2,455.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) ร้อยละ 10.9 ต่อปี และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 โรงพยาบาลฯ มีรายได้รวม 1,295.3 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 14.6 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 โดยมีกำไรสุทธิในปี 2558-2560 จำนวน 189.3 ล้านบาท 259.8 ล้านบาท และ 262.3 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยแบบทบต้น (CAGR) ที่ร้อยละ 17.7 ต่อปี และในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 โรงพยาบาลฯ มีกำไรสุทธิปรับปรุง 124.8 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นในช่วง 6 เดือนแรกปี 2561 อยู่ที่ 30.1% เมื่อเทียบกับ 6 เดือนของปี 2560 อยู่ที่ 28.7%

“ปัจจุบันรพ.มีแพทย์กว่า 600 คน แบ่งเป็นแพทย์ประจำ 116 คน ไม่เต็มเวลา 407 คนและแพทย์ที่ปรึกษาอีก 141 คน ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยนอก 3,000 คนต่อวัน โดยมีเตียง 166 เตียงและจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อนำเงินมาขยายจำนวนเตียงโดยมีการลงทุนก่อสร้างอาคารใหม่ ทำให้จำนวนเตียงเพิ่มเป็น 313 เตียงในปี 2565 และเมื่อรวมจุดแข็งและการใช้ 3 กลยุทธ์ที่วางไว้ จะทำให้บริษัทฯ มีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดดได้”นพ.เสถียร กล่าว

ปัจจุบันการสร้างอาคารใหม่และปรับปรุงอาคารปัจจุบัน โดยโรงพยาบาลทุ่มงบกว่า 2,000 ล้านบาทเพื่อสร้างอาคารใหม่สูง 16 ชั้น ภายใต้แนวคิด Co-Healthy Space ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยและเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้บริการในปัจจุบัน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้บริการภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2562 ด้านการปรับปรุงอาคารปัจจุบันจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับผู้ป่วย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยโรคซับซ้อนและผู้ป่วยภาวะวิกฤติ

นอกจากนี้ โรงพยาบาลฯ ยังตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนจำนวนผู้รับบริการชาวต่างชาติ โดยการเพิ่มศักยภาพในการเข้าถึงและคุณภาพการให้บริการผู้ป่วยต่างประเทศเช่น ทีมงาน Cultural Support สำหรับหลายประเทศและการสร้างเครือข่ายพันธมิตรในประเทศต่างๆ เช่น ประเทศเมียนมาร์ ประเทศจีน และประเทศกัมพูชา สำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความชำนาญของโรงพยาบาลพระรามเก้า เพื่อเข้ามารับการรักษาในประเทศไทย