STARK บวก 3.68% รีบาวด์หลังลงไปมาก-ขาย PP สูงกว่ากระดานหลัก

HoonSmart.com>>หุ้น STARK บวก 3.68% หลังร่วงไป 2 วันซ้อน เกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ท่ามกลางความกังวลเศรษฐกิจเวียดนาม-เงินดองที่อ่อนค่า STARK ลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ ด้านบริษัทฯแจ้งขายหุ้นเพิ่มทุนให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP) 12 ราย ในราคาเสนอขาย 3.72 บาท สูงกว่าราคาบนกระดานเทรดหลัก

วันที่ 25 ต.ค. ราคาหุ้น STARK ฟื้นตัว ปิดบวก 3.68% มาอยูที่ 3.38บาท เพิ่มขึ้น 0.12บาท มูลค่าซื้อขาย 347.7 ล้านบาท จากเมื่อวันที่ 21 ต.ค.หุ้น STARK ร่วง 6.86% ปิดที่ 3.26 บาท ลดลง 0.24 บาท และวันที่ 20 ต.ค.หุ้นติดลบ 3.31% ปิดที่ 3.50 บาท ลดลง 0.12 บาท

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น STARK เช้านี้รีบาวด์กลับขึ้นมาได้หลังจากที่ปรับตัวลงไป 2 วันที่ผ่านมาจากแรงขายลดความเสี่ยงหลังมีความกังวลเศรษฐกิจของเวียดนาม และเงินดองก็อ่อนค่าด้วย ซึ่ง STARK ได้มีการลงทุนในประเทศเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้วิตกผลงานจะได้รับผลกระทบไปด้วย

ทั้งนี้ สัญญาณทางเทคนิคแสดงให้เห็นเป็นแค่การเกิดเทคนิคเคิลรีบาวด์ โดยให้แนวรับ 3.22 บาท แนวต้าน 3.50 บาท

เช้านี้ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 29 ก.ค.2565 ได้มีมติการเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 1,500 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (Par) 1.00 บาทต่อหุ้น จัดสรรให้กับบุคคลในวงจำกัด (PP) ในราคาเสนอขายสุดท้ายที่ประธานกรรมการกำหนดที่ราคาหุ้นละ 3.72 บาท โดยระยะเวลาการเสนอขายและการชำระราคาหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2565 นักลงทุนที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนรวม 12 ราย ดังนี้

1. Credit Suisse (Singapore) Limited จำนวน 74,399,900 หุ้น หรือ 0.55% หลังเพิ่มทุน
2. The Hongkong and Shanghai Banking Corporation Limited, Singapore Branch จำนวน 353,000,000 หุ้น หรือ 2.63% หลังเพิ่มทุน
3. UOB Kay Hian Private Limited จำนวน 58,500,000 หุ้น หรือ 0.44% หลังเพิ่มทุน
4. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนรวมบัวหลวง จำนวน 320,000,000 หุ้น หรือ 2.39% หลังเพิ่มทุน
5. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำนวน 268,817,200 หุ้น หรือ 2.01% หลังเพิ่มทุน
6. บริษัท เอสซีบี แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ จำนวน 182,000,000 หุ้น หรือ 3.72% หลังเพิ่มทุน
7. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน เกียรตินาคินภัทร จำนวน 53,763,000 หุ้น หรือ 0.40% หลังเพิ่มทุน
8. บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 51,000,000 หุ้น หรือ 0.38% หลังเพิ่มทุน
9. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน วรรณ จำนวน 47,029,800 หุ้น หรือ 0.35% หลังเพิ่มทุน
10. บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำนวน 30,000,000 หุ้น หรือ 0.22% หลังเพิ่มทุน
11. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำนวน 29,000,000 หุ้น หรือ 0.22% หลังเพิ่มทุน
12. บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุน อเบอร์ดีน (ประเทศไทย) จำนวน 32,490,100 หุ้น หรือ 0.24% หลังเพิ่มทุน