ดาวโจนส์ปิดบวก 36 จุด รอข้อมูลเงินเฟ้อ

HoonSmart.com>> ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 36 จุด จากแรงซื้อสลับขายตลอดทั้งวัน ส่วนดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดลบ นักลงทุนจับตารายงานเงินเฟ้อ ชี้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ผลประกอบการไตรมาสสาม ราคาน้ำมันดิบลดลง 2% ด้าน “ตลาดหุ้นยุโรป” ปิดลบ หลังธนาคารกลางอังกฤษ ประกาศการแทรกแซงตลาดจะยุติลงในเร็วๆนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 11 ตุลาคม 2565 ปิดที่ 29,239.19 จุด เพิ่มขึ้น 36.31 จุด หรือ 0.12% จากแรงซื้อสลับแรงขายตลอดทั้งวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อและการรายงานผลประกอบการไตรมาสสาม

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,588.84 จุด ลดลง 23.55 จุด,-0.65%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,426.19 จุด ลดลง 115.91 จุด, -1.10% เป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2020

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10-year อ่อนตัวลงมาที่ 3.943% ในช่วงปิดตลาด หลังธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ประกาศในช่วงบ่ายว่าการแทรกแซงตลาดจะยุติลงในเร็วๆนี้ โดยนายแอนดรูว์ ไบเลย์ ผู้ว่าการ BoE กล่าวว่า กองทุนบำเหน็จบำนาญมีเวลาปรับสถานะอีก 3 วันก่อนที่ BoE จะยุติการซื้อพันธบัตร

การประกาศของ BoE ส่งผลให้ตลาดปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ ซึ่งจะบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยแค่ไหนเพื่อดึงเงินเฟ้อลง และจะเป็นตัวกำหนดว่าเศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยหรือไม่ หรือเพียงแค่ชะลอตัวลง

เดวิด บาห์นเสน จาก Bahnsen Group กล่าวว่า ตลาดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่น่าวิตกทั้งเศรษฐกิจอ่อนแอ ความไม่แน่นอนของผลการดำเนินงาน และไม่รู้ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยไปนานแค่ไหน นักลงทุนจึงเลี่ยงความเสี่ยง และคาดว่า เฟดจะขึ้นดอกเยี้ยอีก 1 หรือ 2 ครั้งจนกว่า fed funds rate จะแตะระดับ 4% จึงจะยุติเพื่อประเมินผล

นักลงทุนยังรอผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้ เริ่มจากธนาคารใหญ่ 4 แห่ง คือ เจพีมอร์แกน เวลลส์ฟาร์โก มอร์แกน สแตนเล่ย์ และซิตี้ กรุ๊ป ซึ่งแบรด แมคมิลแลน จาก Commonwealth Financial Network คาดว่าผลประกอบการของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 6-7% เพราะเศรษฐกิจไม่ได้แย่อย่างที่คาด ตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง การใช้จ่ายของผู้บริโภคฟื้น

หุ้นเจพีมอร์แกนลดลง 2.89% หุ้นแบงก์ออฟอเมริกา ลดลง 2.90%และหุ้นซิตี้ กรุ๊ป ลดลง 2.76% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์ จากความกังวลว่าธนาคารจะต้องตั้งสำรองหนี้เสียเพิ่มจากเศรษฐกิจถดถอย

หุ้นเครดิตสวิสลดลงกว่า 2% หลังบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐฯเริ่มการสอบสวนการหนีภาษี ซึ่งธนาคารออกแถลงการณ์ว่า ไม่ได้เลี่ยงภาษีและพร้อมให้ความร่วมมือ

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง นำโดยกลุ่มเคมีภัณฑ์ที่ลดลง 2.5% จากความกังวลต่อแนวโน้มการเศรษฐกิจโลกและการดำเนินนโยบายการเงินที่ตึงตัวของธนาคารกลางหลายประเทศ รวมทั้งการเตือนจากธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) ว่า ความเสี่ยงชัดเจนต่อเสถียรภาพทางการเงินของอังกฤษ จากวิกฤติในภาคกองทุนบำเหน็จบำนาญที่ใช้กลยุทธ์ liability-driven investing ทำให้ต้องขายสินทรัพย์ออก

Liability-driven investing ของภาคกองทุนบำเหน็จบำนาญคือการใช้ทั้งพันธบัตรและตราสารอนุพันธ์เข้ามาช่วยลดความผันผวนของผลประโยชน์(liability) ที่จะจ่ายคืนสมาชิกในอนาคต

อัตราการว่างงานของอังกฤษเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมลดลงมาที่ 3.5%

เยอรมนีตกลงที่จะสนับสนุนการออกพันธบัตรของอียูเพื่อช่วยในการจัดกับวิกฤติพลังงานในหน้าหนาว

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 387.95 จุด ลดลง 2.17 จุด, -0.56%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,885.23 จุด ลดลง 74.08 จุด, -1.06%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,833.20 จุด ลดลง 7.35 จุด, -0.13%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,220.25 จุด ลดลง 52.69 จุด, -0.43%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.78 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 89.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนืองวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.9 ดอลลาร์ หรือ 2% ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล