PCC วางแผนการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเทรดในตลาด SET 21 ต.ค.

HoonSmart.com>>”พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น”(PCC) วางแผนการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ชูผลงานครึ่งแรกปี 65 ทำกำไรสุทธิพุ่ง 67.5% เตรียมเปิดจองซื้อหุ้น 10-12 ต.ค.นี้ ในราคาขาย IPO 4.00 บาท เล็งเข้าเทรดในตลาด SET 21 ต.ค.65 ที่ปรึกษาการเงินมองจุดเด่นของ PCC คือการทำธุรกิจทั้งต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ และมีการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในอนาคตที่มีความชัดเจนและมองเห็นภาพการเติบโตที่มีความแข็งแกร่งแล้ว ในส่วนของผลประกอบการของ PCC ก็มีความโดดเด่นอย่างมากและเป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนสนใจอย่างมากในครั้งนี้ โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯมีรายได้รวม 1,727 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 15.3 จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,498 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท เติบโตร้อยละ 67.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 80 ล้านบาท

“หลังจากเข้าเทรดในตลาดแล้ว บริษัทมีแผนงานโดยเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในตัวสินค้าเดิม, ขยายปริมาณสินค้าหลักที่มีอยู่เดิม เพราะสินค้าบางตัวยังผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะหม้อแปลงระบบจำหน่ายไฟฟ้า, ขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เช่น กัมพูชา และขยายแพลตฟอร์มใหม่ เพื่อลดปัญหาโลกร้อน”

จุดเด่นของ PCC ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ครอบคลุมตามความต้องการของระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า, เป็นผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid, มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้ามานานเกือบ 40 ปี และมีความเข้าใจในกระบวนการการผลิตและเทคนิคต่าง ๆ ของอุปกรณ์ในระบบจำหน่ายไฟฟ้า, มีหน่วยงานวิจัย และพัฒนา ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด, ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในระบบบริหารจัดการ ระบบควบคุมและระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ (Intelligent Grid), มีความสัมพันธ์อันดีกับคู่ค้า เช่น HUAWEI, Hyundai, Hitachi (Japan) เป็นต้น และเป็นพันธมิตรกับชุมชน เพื่อพัฒนาให้ชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตของบริษัท

นางจรรยา กล่าวว่า ในครึ่งแรกปี 65 บริษัทมีรายได้ 7,627 ล้านบาท เติบโต 15.28% จากงวดเดียวกันของปีก่อน (H1/64) และกำไรทำได้ 134 ล้านบาท เติบโต 67.65% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจเผชิญกับการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 และเศรษฐกิจถดถอย แต่ PCC สามารถปรับตัวใช้กลยุทธ์ด้านผลิตภัณฑ์ และราคา ทำให้การเลิกจ้างพนักงานเป็นศูนย์ ส่วนอัตราส่วนทางการเงิน โดยอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ในปี 64 อยู่ที่ 10.2% ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็น 12.4% ในครึ่งแรกปี 65, อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อยู่ที่ 7.2% ในครึ่งแรกปี 65 เพิ่มขึ้นจากปี 64 ที่อยู่ 6.1% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ในปี 64 อยู่ที่ 1.55 เท่า แต่ครึ่งแรกปี 65 อยู่ที่ 1.60 เท่า

สัดส่วนรายได้ของ PCC ประกอบด้่วย รายได้จากการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ไฟฟ้า มีสัดส่วนรายได้ 40.2%, รายได้จากงานรับเหมาก่อสร้างงานไฟฟ้าแรงสูง และสายส่งไฟฟ้าแรงสูง 44.7%, รายได้จากการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าสัดส่วน 10.8% และอื่น ๆ 4.3% และบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (Initial Public Offering หรือ IPO) จำนวนไม่เกิน 307,000,000 หุ้น จะเปิดให้จองซื้อได้ในวันที่ 10-12 ต.ค. ในราคาขาย IPO ที่ 4 บาทต่อหุ้น และคาดว่าจะเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ได้ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากรพลังงานและสาธารณูปโภค

การโรดโชว์ในครั้งนี้ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก PCC เป็นผู้นำด้าน Smart Grid ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำของระบบไฟฟ้า และเป็นหุ้นรายแรกที่เน้นระบบส่งและจำหน่าย Smart Grid ซึ่งในตลาดหุ้นไทยจะมีหุ้นที่เป็นผู้ผลิตไฟฟ้าที่วัดกันที่MW แต่ยังไม่มีหุ้นที่โฟกัสในส่วนที่จะนำพลังไฟฟ้าจากผู้ผลิตมาถึงประชาชนทั่วไป ซึ่งบริษัทฯมีส่วนในการนำพลังงานไฟฟ้าจากระดับแรงดันสูง 500 kv มาให้ผู้บริโภคที่ใช้ 220 kvนอกจากนี้ มองว่าในระยะสั้นบริษัทฯจะเติบโตจากโครงการเพิ่มกำลังการผลิตของหม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่ายที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 3 เท่า หรือคิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 1,080 MVA ต่อปี ภายในปี 2567 และมีโครงการโรงงานผลิตในประเทศกัมพูชาที่จะรับรู้รายได้ในปีหน้า

“PCC น่าสนใจในการลงทุนทั้งระยะสั้นจากการเพิ่มกำลังการผลิต และการขยายธุรกิจไปยังกัมพูชา ส่วนระยะยาวจะเห็นได้ว่าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีแผนการลงทุนในเฉพาะส่วนของ Smart Grid ถึง 2 แสนล้านบาท ซึ่ง PCC มีส่วนในทุกส่วน จุดเด่นของ PCC คือการทำธุรกิจทั้งต้นน้ำไปถึงปลายน้ำ ซึ่งได้มอง PCC เป็นหุ้นเติบโตอย่างยั่งยืน ความเสี่ยงต่ำในการลงทุน และมีการเติบโตอย่างชัดเจน”