BTG เล็งกำไร H2/65 ดีต่อเนื่อง พร้อมเข้าเทรดในตลาด SET 2 พ.ย.นี้

HoonSmart.com>>”เบทาโกร”(BTG)เล็งผลงานครึ่งปีหลัง (H2/65) กำไรดีต่อเนื่อง จากความต้องการอาหารมีมากขึ้น พร้อมแย้มกำลังเจรจาซื้อกิจการหวังต่อยอดธุรกิจอาหารของบริษัท อีกทั้งยังไม่รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น หุ้น BTG เตรียมเข้าเทรดในตลาด SET วันที่ 2 พ.ย.นี้ มองราคาเสนอขาย IPO ที่ 40 บาทต่อหุ้น เหมาะสมแล้ว หากมอง P/E อนาคตแค่ 9 เท่า จาก 8 โบรกฯคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 66 ที่ 4.25-4.50 บาท

นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร (BTG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/65) จะมีกำไรออกมาดีต่อเนื่อง จากความต้องการอาหารที่มีมากขึ้น ทั้งในประเทศ และส่งออก โดยเฉพาะการเปิดประเทศทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น ส่งผลให้ความต้องการอาหารมีมากขึ้นไปด้วย พร้อมแย้มกำลังเจรจาซื้อกิจการหวังต่อยอดธุรกิจอาหารของบริษัท

“เราเก่งในการแปรรูปอาหาร การควบคุมอุณหภูมิ แต่เราก็มองอาหารในรูปแบบอื่น BTG สนใจและจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเราก็มีจุดแข็งในเรื่องทีมการบริหารงาน แบรนด์ดิ้ง คู่ค้า แต่เราก็สนใจในธุรกิจอาหารรูปแบบอื่น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่”

ธุรกิจอาหารมีความผันผวนในขณะนี้ ซึ่งบริษัทฯก็ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด โดยติดตามราคาอาหาร และการ react ให้ดีที่สุด แต่มองว่าความผันผวนมาพร้อมกับความต้องการอาหารที่เพิ่มขึ้น ส่วนยุโรปแม้ค่าเงินจะผันผวน แต่มองบริษัทมีการนำเข้าสินค้าไก่ปรุงสุกแช่แข็ง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีกว่า เพราะไม่ต้องแบกภาระต้นทุนพลังงาน และค่าแรงงาน ดังนั้นธุรกิจอาหารยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัทให้ความสำคัญกับต้นทุนวัตถุดิบมาโดยตลอด ซึ่งต้นทุนวัตถุดิบผันแปรค่อนข้างมาก แต่บริษัทมีกระบวนการจัดซื้อที่แข็งแกร่ง มีการจัดเก็บวัตถุดิบเพียงพอ ซึ่งบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้ดีกว่าผู้เช่นอื่นในอุตสาหกรรมด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมี Digital Transformation ทำให้ควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นางศิริวรรณ อินทรกำธรชัย ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานบริหารการเงิน BTG เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลัง (H2/65) คาดว่าจะออกมาใกล้เคียงหรือดีกว่าครึ่งปีแรก (H1/65) จากการดูแลด้านค่าใช้จ่าย สินค้า และราคาวัตถุดิบที่อ่อนตัวลงบ้าง สำหรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นก็แทบจะไม่ส่งผลกระทบต่อบริษัท เพราะผลประกอบการของบริษัทดี และกระแสเงินสดก็เข้าต่อเนื่อง ทำให้หนี้สินลดลงอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย บริษัทฯสามารถทำกำไรในครึ่งแรกปี 65 ได้เติบโต 233.1% yoy และมีการคืนเงินกู้ ทำให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) จาก 2 เท่า มาเหลือแค่ 1.4 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อ Adj. EBITDA ก็ลดลงจาก 7.1 เท่า มาเหลือ 2.2 เท่า ทั้งนี้ บริษัทฯมีนโยบายการเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังจัดสรรทุนสำรองต่าง ๆ

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวนการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BTG เปิดเผยว่า นักลงทุนมีความมั่นใจบริษัทที่มีการจัดการที่ดี ซึ่งนักลงทุนรายย่อย และสถาบันต่างเชื่อใน”เบทาโกร”เพราะเป็นแบรนด์อาหารที่รู้จักกันมานาน เชื่อว่า BTG จะให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน ราคาหุ้นก็ไม่น่าจะสวิงมาก

จุดเด่นของ BTG เป็นบริษัทอาหารระดับสา่กล มีการขับเคลื่อนองค์กรด้วยข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ มีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ มุ่งหน้าสร้างโอกาสการเติบโตจากผลิตภัณฑ์ใหม่ (New S-Curve) และกระบวนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงคณะผู้บริหารและคณะกรรมการฯที่มีวิสัยทัศน์และมากด้วยประสบการณ์

นายอนุวัฒน์ ร่วมสุข กรรมการผู้จัดการ ประธานสายวาณิชธนกิจและตลาดทุน กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BTG เปิดเผยว่า การเสนอขาย BTG ที่ราคา 40 บาทต่อหุ้น คิด P/E เท่ากับ 21.2 เท่า เป็นการคิดกับผลกำไรในอดีต แต่หากคิด P/E จากกำไรในอนาคตจากการประมาณการของนักวิเคราะห์ 8 บริษัท คาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2566 ที่ 4.25-4.50 บาท จะได้ P/E แค่ 9 เท่า เท่านั้น ดังนั้นจึงเชื่อมั่นราคาเสนอขาย IPO เป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว และคาดว่าหุ้น BTG จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในวันที่ 2 พ.ย.2565 หลังเปิดให้จองซื้อหุ้นได้ในช่วงวันที่ 10-17 ต.ค.นี้

ทั้งนี้ จะเสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 434.8 ล้านหุ้น ในราคาเสนอขาย 40 บาทต่อหุ้น และจะจัดสรรหุ้นส่วนเกิน (กรีนชู) อีกไม่เกิน 65.20 ล้านหุ้น โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้น สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ บุคคลที่มีความสัมพันธ์ของบริษัทฯ และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย และผู้มีอุปการคุณ ในวันที่ 10-17 ต.ค.2565

ผู้ลงทุนในต่างประเทศรวมประมาณ 107,195,000 หุ้น แบ่งเป็นผู้ลงทุนสถาบันที่จองซื้อในต่างประเทศ (ไม่รวมถึงผู้ลงทุนสถาบันที่เป็น Cornerstone Investors ที่จองซื้อในต่างประเทศ) 27,078,000 หุ้น และสถาบันที่เป็นผู้ลงทุนหลักโดยเฉพาะเจาะจง(Cornerstone Investors) 80,117,000 หุ้น วันที่ 20-25 ต.ค.2565 โดยมี บล.เกียรตินาคินภัทร และ บล.บัวหลวง เป็นปรึกษาทางการเงิน และ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

BTG เป็นผู้ประกอบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจรชั้นนำในประเทศไทย โดยครอบคลุมตั้งแต่การผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ ปศุสัตว์ ผลิตภัณฑ์สุกรและสัตว์ปีก ไข่ไก่ อาหารแปรรูปที่เกี่ยวข้อง และอาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงการจัดจำหน่ายอุปกรณ์ฟาร์ม และการดำเนินงานด้านการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้อง

บริษัทมีรูปแบบการทำธุรกิจแบบครบวงจร  ที่ครอบคลุมในหลายด้านของห่วงโซ่คุณค่าของผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ตั้งแต่การผลิตอาหารสัตว์ การเพาะเลี้ยง และจำหน่ายพ่อแม่พันธุ์สัตว์ การทำฟาร์มเชิงพาณิชย์ การชำแหละและการแปรรูปเนื้อสัตว์ ไปจนถึงการขาย โรงงานผลิตและแปรรูปอาหารที่มีมาตรฐานสูงและมีประสิทธิภาพ

ผลิตภัณฑ์ที่วางขายภายใต้แบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรม อาทิ แบรนด์ “BETAGRO” และ “S-Pure” สำหรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์อนามัย เนื้อสัตว์แปรรูป และอาหารแปรรูป, แบรนด์ “ITOHAM” สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกเกรดพรีเมียม แบรนด์ “betagro” “Balance” และ “MASTER” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ แบรนด์ “Better Pharma” และ “Nexgen” สำหรับผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และสารเสริมสำหรับสัตว์ และแบรนด์ “Perfecta” “DOG n joy” และ “CAT n joy” สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง

อ่านข่าว

AAI เดินหน้าขาย IPO – ผถห. ASIAN จองซื้อ 6.373 ต่อ 1