HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นเช้านี้ลบ 2.44 จุด พักตัวหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% และจะดำเนินนโยบายการเงินตึงตัวเร็ว-นานกว่าที่เคยประเมินจากเงินเฟ้อสูงยาวนานกว่าคาด กดดันเศรษฐกิจปี 65-66 โตชะลออย่างมีนัยยะ ส่ง Dollar Index-บอนด์ยีลด์พุ่ง กดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้เผชิญแรงขาย แต่หุ้นไทยคงปรับลงจำกัดจากแนวโน้มเศรษฐกิจทยอยเร่งตัว
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์วันที่ 22 ก.ย.2565 ณ เวลา 9.56 น. อยู่ที่ระดับ 1,631.01 จุด ลดลง 2.44 จุด หรือ -0.15% มูลค่าซื้อขาย 1,099.94 ล้านบาท
บล.ฟินันเซีย ไซรัส มองตลาดหุ้นวันนี้ยังคงอยู่ในช่วงพักตัวลงหาระดับ 1620+- จุดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบ หลังผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) วานนี้ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด และมุมมองคณะกรรมการมองนโยบายการเงินตึงตัวเร็วและนานกว่าที่เคยประเมินจากเงินเฟ้อที่สูงยาวนานกว่าคาด ซึ่งกดดันเศรษฐกิจปี 25652566 ให้เติบโตชะลอตัวลงอย่างมีนัยยะ ส่งผลให้ Dollar Index พุ่งขึ้นแรงในฐานะ Safe Haven ส่วน Bond Yield สหรัฐฯอายุ 2 ปีล่าสุดพุ่งแตะ 4.08% ทำให้ภาพ Inverted Yield Gap ปัจจุบันกว้างขึ้นเป็น -0.54% กดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ยังเผชิญแรงเทขาย
อย่างไรก็ตาม ยังเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยยังคงปรับตัวลงจำกัดกว่าและมีแนวโน้ม Outperform ตลาดหุ้นโลกได้ต่อเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัวสวนทางภูมิภาคอื่นๆ รวมถึง Sentiment จากการท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้า High Season ในไตรมาส 4/65 ประเมินหุ้นในกลุ่ม Domestic และ Reopening Play จะยังคงปรับตัวได้แข็งแรงกว่าตลาด ส่วนจังหวะดัชนีพักตัวลงหาบริเวณ 1,600-1,610+- จุด ยังมองเป็นจังหวะในการทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว
ทั้งนี้ เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยตามคาดอีก 0.75% ขึ้นเป็น 3-3.25% แต่ปัจจัยที่กดดันตลาดเพิ่มเติมคือ Dot Plot ที่สะท้อนนโยบายการเงินที่ตึงตัวมากขึ้น คณะกรรมส่วนใหญ่มองดอกเบี้ยปี 2565 จบที่ 4.25-4.5% ขณะที่ปี 2566 ยังคงขยับขึ้นอีกเล็กน้อยเป็น 4.50-4.75% ต่างจากรอบก่อนที่มองดอกเบี้ยขยับลงปีหน้า สะท้อนว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่อยู่ในระดับสูงยาวนานกว่าคาด รวมถึงมองดอกเบี้ยทยอยขยับลงต่ำกว่า 3% ในปี 2568
ขณะที่ประมาณการเศรษฐกิจปี 2565-2566 มีการเติบโตลงเหลือ +0.2% Y-Y และ +1.2% Y-Y อัตราว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็น 3.8% และ 4.4% และ Core PCE อยู่ที่ 4.5% และ 3.1% ตามลำดับ สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อและนโยบายการเงินตึงตัวมากขึ้น ภาพรวมสินทรัพย์เสี่ยงยังคงถูกกดดันโดยเฉพาะ Global Play ยังมองหุ้น Domestic Reopening และ Defensive Play จะยัง Outperform
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTTEP อยู่ที่ 171.00 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ -2.01% มูลค่าซื้อขาย 138.57 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 150.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.33% มูลค่าซื้อขาย 66.95 ล้านบาท
TGE อยู่ที่ 2.06 บาท เพิ่มขึ้น 0.08 บาท หรือ +4.04% มูลค่าซื้อขาย 63.70 ล้านบาท
DELTA อยู่ที่ 622.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท หรือ +0.97% มูลค่าซื้อขาย 47.15 ล้านบาท
AOT อยู่ที่ 72.75 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ -0.34% มูลค่าซื้อขาย 35.63 ล้านบาท