ปี 2561 ยกเป็นปีทองของหุ้นกลุ่มปตท. 6 บริษัทขึ้นยกแผงชนะตลาด แถมปันผลกลางปีเยี่ยม GPSC ราคาเพิ่มมากที่สุด ส่วนหนึ่งเกิดจากหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนร้อนแรง ส่วน IRPC มาเป็นที่สอง มีโอกาสแซงโค้งจากปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งยิ่งขึ้น DJSI ยกตำแหน่งเบอร์ 1 ด้านอุตสาหกรรมการกลั่นฯของโลก ประจำปี 2561 ราคาน้ำมันดิบขาขึ้นยาวข้ามไปปีหน้าหนุนกำไรทั้งเครือดูดี
ในปี 2561 หุ้นบริษัทในกลุ่มปตท.รวม 6 แห่ง ได้รับความสนใจจากนักลงทุนจำนวนมาก ส่งผลให้ราคาหุ้นทุกตัวปรับตัวขึ้นมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยรวม และบริษัทแต่ละแห่งยังคงรักษาความสามารถในการจ่ายเงินปันผลกลางปีนี้ได้ดีเช่นเดิม ทั้งนี้ ดัชนีหุ้น ณ สิ้นเดือนก.ย.อยู่ที่ 1,756.41 จุด เพิ่มขึ้นไม่ถึง 3 จุด จากสิ้นปี 2560
ล่าสุดบริษัทปตท.(PTT)ประกาศจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 1.47% รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 22,850 ล้านบาท หรือสัดส่วน 32.9% ของกำไรสุทธิ
นาย สุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไออาร์พีซี(IRPC) เปิดเผยว่า ในปี 2561 เมื่อเปรียบเทียบราคาหุ้นในกลุ่มปตท.ทั้งหมด พบว่า ราคาหุ้นของ IRPC ปรับตัวขึ้นน้อยกว่า บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC)เพียงแห่งเดียว ขณะที่ในปีนี้ IRPC ได้รับคะแนนสูงสุด เป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการกลั่นและจำหน่ายน้ำมันและก๊าซของโลก ประจำปี 2561 และคงสถานะการเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์( DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ส่วนปี 2560 ที่ผ่านมา บริษัทไทยออยล์(TOP)ได้คะแนนสูงสุด และ IRPC อยู่ในอันดับที่ 3
กรรมการผู้จัดการใหญ่กล่าวถึงแนวโน้มผลดำเนินงานว่า บริษัทยังคงเป้าหมายกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) เติบโตปีละ 10-15% จนถึงปี 2563 คาดว่าจะมี EBITDA ตามเป้าหมาย 29,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 ของปีนี้คาดว่าจะอ่อนตัวลง ซึ่งมาจากค่าการกลั่นที่อ่อนตัวลงตามฤดูกาล แต่ยังมีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน จากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเฉลี่ยที่ราว 76-78 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 72 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ในปี 2561 หุ้น IRPC ปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยขึ้นไปสูงสุดถึง 8.35 บาท ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายหนาแน่น ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานที่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เช่น กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด ไตรมาส 2 จำนวน 1,051 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237 ล้านบาทหรือเติบโต 29% ส่วนครึ่งปีนี้กำไรสุทธิ 1,973 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 409 ล้านบาท เติบโต 26% เกิดจากกำไรจากการดำเนินงานที่ดีขึ้นและกำไรอีกส่วนหนึ่งมาจากสต็อกตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นด้วย และสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก แสตนดาร์ด แอนด์ พัวส์(เอสแอนด์พี)ยังปรับมุมมองบริษัทฯดีขึ้นในปี 2561 จากระดับคงที่ในปี 2560
นอกจากนั้น เป็นครั้งแรกของบริษัทไออาร์พีซี ที่ประกาศจ่ายเงินปันผลกลางปีนี้ ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 1.50% รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 2,043 ล้านบาท สัดส่วน 30% ของกำไรสุทธิงวด 6 เดือน ทำให้ผู้ถือหุ้นไม่ต้องรอรับเงินปันผลปีละครั้งเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2560 บริษัทจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.29 บาท เป็นเงินทั้งหมด 5,926 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.23 บาท เป็นเงินทั้งสิ้น 4,700 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทปตท.ยังเป็นผู้ถือหุ้นมากถึง 48.05% หลังจากคณะกรรมการบริษัทปตท.เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 2561 มีมติอนุมัติให้ซื้อหุ้น ไออาร์พีซี จากธนาคารออมสิน จำนวน 1,950 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 9.54% ของทุนเรียกชำระแล้ว ในราคาหุ้นละ 7.10 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 13,845 ล้านบาท
สำหรับความเคลื่อนไหวของ GPSC หุ้นวิ่งขึ้นไปถึง 87.50 บาทในช่วงต้นปี ถือเป็นราคาสูงสุดนับตั้งแต่เข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ วันที่ 18 พ.ค.2558 ในช่วงแรก ๆ ราคาปรับตัวลงต่ำกว่าไอพีโอที่หุ้นละ 27 บาท หุ้น GPSC เพิ่งมาวิ่งแรงในช่วงปลายปี 2560 ต่อเนื่องถึงปี 2561 ส่วนหนึ่งเป็นการเคลื่อนไหวตามกระแสหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่บางตัวปรับตัวขึ้นเป็นเท่าตัว รวมถึงกระแสข่าวเรื่องบริษัทจะมีการลงทุนขนาดใหญ่สร้างโรงงานแบตเตอรี่
ในปีนี้ GPSC สร้างความฮือฮาให้กับนักลงทุน จากการประกาศว่าจะใช้เงินมากถึง 1 แสนล้านบาท ในการซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท โกลว์ พลังงาน(GLOW) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจใน EEC อย่างไรก็ตาม บริษัทจ่ายเงินปันผลกลางปีเพียงหุ้นละ 0.45 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 0.64%