ชวนช้อป TPIPLต่ำบุ๊ค ‘ประชัย’แย้มจะมีข่าวดี

ถึงเวลาซื้อหุ้นทีพีไอโพลีน ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีมานาน ‘ประชัย’ เผยมีกำไรซ่อนอยู่มาก เฉพาะ TPIPP 24,000 ล้านบาท แย้ม1-2 เดือนจะเปิดข่าวดี ธุรกิจปูนพลิกฟื้น

บริษัท ทีพีไอโพลีน (TPIPL) ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์รายใหญ่ของประเทศไทย มีกำลังการผลิตรวม 13.5 ล้านตันต่อปี รวมถึงการลงทุนในธุรกิจเม็ดพลาสติค LDPE/EVA และในอีกหลายธุรกิจ แต่ราคาหุ้นกลับปรับตัวลงตลอดและยังซื้อขายในราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีมาอย่างน้อย 5 ปี เป็น เพราะเหตุผลใด

ขณะนี้เกิดคำถามว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่นักลงทุนควรจะทยอยซื้อหุ้นTPIPL ติดพอร์ตไว้บ้าง เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศจะเพิ่มขึ้นตามการโหมโรงลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลและเอกชน ซึ่งน่าจะทำให้ TPIPL พลิกกลับมามีกำไรได้ จากที่ประสบปัญหาขาดทุนสุทธิติดต่อกัน 2 ปี

นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPIPL กล่าวในที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 25 เม.ย.2561ที่ผ่านมาว่า TPIPL ขาดทุนสุทธิ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีกำไรสุทธิ เนื่องจากตามมาตรฐานบัญชี บริษัทฯถือหุ้น บริษัททีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) สัดส่วนถึง 70.24% ไม่สามารถบันทึกกำไรจากการออกหุ้นTPIPP ขายในราคาไอพีโอที่ 7 บาท เป็นเพียงการลงบัญชีในราคา 1 บาทเท่านั้น ทำให้มีกำไรซ่อนอยู่ในบัญชีประมาณ 24,000 ล้านบาท

“เราจะรับรู้กำไรจากหุ้น TPIPP ได้ก็ต่อเมื่อต้องขายหุ้นทิ้งเท่านั้น กรณีเป็นบริษัทร่วมจึงจะใช้ราคาตลาดได้ แต่เรายังไม่ขาย TPIPP ตอนนี้ เนื่องจากจะต้องรอดูจังหวะและยังสามารถใช้ประโยชน์ทางด้านภาษีจาก TPIPPด้วย”นายประชัยกล่าว

ทั้งนี้คณะกรรมการบริษัทฯมีมติที่จะไม่ขายหุ้น TPIPP ที่มีอยู่ 5,899,999,300 หุ้น เป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่หุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561

นอกจากนั้นบริษัทยังมีที่ดินร่วม 1 หมื่นไร่ ส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณโรงงานปูน จังหวัดสระบุรี ซึ่งไม่เคยประเมินราคาใหม่แต่อย่างใด ยกเว้นการตีราคาโรงงานเท่านั้น


นายประชัย กล่าวว่า บริษัทเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงติดอันดับโลก ผลิตได้ประมาณ 8,000 ตัน/วัน เทียบกับบริษัทปูนซิเมนต์ไทย(SCC)ที่ผลิตได้ประมาณ 5,000ตัน/วัน แต่บริษัทกลับประสบผลขาดทุน เนื่องจากบริษัทแม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง รวมถึงการลงทุนในโครงการใหม่ๆด้วย ขณะที่ SCC มีกำไรหลายหมื่นล้านบาทเพราะค่าใช้จ่ายของธุรกิจปูนซีเมนต์ให้บริษัทแม่รับผิดชอบที่มีธุรกิจปิโตรเคมีด้วย

“ ราคาหุ้น TPIPL ที่ลดลง ผมก็สงสารนักลงทุนรายย่อยเหมือนกัน แต่ขอให้ทุกคนวางใจว่าบริษัทไม่ได้ขาดทุน จริงๆแล้วมีกำไรซ่อนอยู่ตั้งเยอะ และในอีก 1-2 เดือนข้างหน้าจะมีข่าวดี แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ในขณะนี้ ”นายประชัยกล่าว

ด้านนายประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบัญชีและการเงิน TPIPL กล่าวว่า ขณะนี้เป็นโอกาสซื้อหุ้น TPIPL เพราะราคาที่ 1.60-1.70 บาทถือว่าถูก ซื้อขายไม่ถึง50% ของมูลค่าหุ้นทางบัญชี บริษัทมีส่วนเกินมูลค่าหุ้นจาก TPIPP หุ้นละ 2.88 บาท ส่งผลให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น นอกจากนั้นบริษัทยังมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ มีค่าใช้จ่าย เพราะอยู่ในช่วงที่แนะนำสินค้า อนาคตผลงานจะดีขึ้น และราคาปูนซีเมนต์ก็เพิ่มขึ้นจากปีก่อนแล้ว

ส่วนTPIPP ในไตรมาส 3/2561 จะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) เพิ่มอีก 220 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นโรงละ 70 เมกะวัตต์และ 150 เมกะวัตต์ รวมกับที่มีอยู่ในปัจจุบัน 220 เมกะวัตต์ ส่งผลให้มี COD รวมทั้งหมด 440 เมกะวัตต์

นายประทีป เลี่ยวไพรัตน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPIPL คาดว่าราคารวมถึงความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ในประเทศไทยและตลาดอาเซียนจะดีขึ้น เทียบกับปีที่ผ่านมาที่มีการแข่งขันสูงจากผู้ผลิตจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น อินโดนีเซีย ลาว เวียดนามและเมียนมา นอกจากนั้นสินค้าของบริษัทก็มีคุณภาพดีและได้รับการยอมรับโดยทั่วไป อาทิ สีคุณภาพสูงไม่มีกลิ่น วัสดุก่อสร้าง และเมล็ดพลาสติก

สอดคล้องกับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/2561 ของ SCC ที่มีกำไรดีขึ้นจากธุรกิจซีเมนต์ และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ส่วนธุรกิจเคมิคอลลดลง ทำให้มีกำไรสุทธิรวม 12,406 ล้านบาท ลดลง 1%จากไตรมาสก่อน