บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้น้ำมันขึ้นผลบวกกลุ่มโรงกลั่น กำไรสต็อกน้ำมัน หุ้นเด่นระยะสั้นแนะ PTTGC ราคาลงมากกว่ากลุ่มโรงกลั่น เป้าหมาย 113 บาท ส่วนระยะยาวแนะ TOP เป้าหมาย 96.50 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงาน ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบ BRENT ขยับขึ้นต่อเป็น 81.87 ดอลลาร์/บาร์เรล +2.9% QTD และ +22.2% YTD ซึ่งเป็นบวกกับกลุ่มโรงกลั่น โดยจะมีกำไรจากสต็อกต่อใน 3Q61 แต่ก็ทำให้สเปรดของปิโตรเคมีลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้น ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์ขยับขึ้นได้ช้ากว่าเพราะมี Lag time และอุปทานเพิ่มขึ้น
ส่วนค่าการกลั่นใน 3Q61 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพราะเป็นฤดูกาลปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในสหรัฐทำให้อุปทานลดลงไป และค่า Crude premium ลดลง แต่ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มก็อาจทำให้ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดได้ สำหรับค่าการตลาดน้ำมันค้าปลีก อาจจะฟื้นตัวได้น้อยกว่าคาดเมื่อราคาน้ำมันสูงขึ้นต่อเนื่อง
“เรามีมุมมองที่เป็นบวกกับกลุ่มพลังงาน โดยประเมินว่าราคาน้ำมันดิบจะทรงตัวสูงต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ ปัจจัยหนุนหลัก คือ อุปทานน้ำมันที่ลดลงเพราะอิหร่านถูกคว่ำบาตรจากสหรัฐและเรียกร้องให้ประเทศต่างๆระงับการซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่านโดยสิ้นเชิงภายใน 4 พ.ย.นี้ มิฉะนั้นจะถูกสหรัฐคว่ำบาตรไปด้วย (เป็นเวลา 180 วันหลังจากทรัมป์ประกาศถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน และเมื่อครบเวลาดังกล่าวนี้แล้วทรัมป์สามารถออกคำสั่งคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ได้) นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอุปทานน้ำมันจากอิหร่านลดลงราว 0.6-1.5 ล้านบาร์เรล/วัน”บล.ดีบีเอส วิเคเคอร์ส ระบุ
สำหรับหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากราคาน้ำมันปรับขึ้น คือ PTTEP (ราคาพื้นฐาน 160 บาท) เพราะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตก๊าซ & ปิโตรเลียม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างประมูลสัมปทานแหล่งบงกชและเอราวัณในรูปแบบแบ่งปันผลผลิต (สัมปทานเดิมจะหมดอายุสัมปทานปี 65-66) โดยเมื่อวานนี้ (25 ก.ย.61) ทาง PTTEP กับกลุ่มเชฟรอน (เชฟรอนจับมือกับมิตซุย ออยล์) แข่งประมูลทั้งสองแหล่ง (PTTEP เข้าประมูลเดี่ยวในแหล่งบงกช และจับมือกับกลุ่มมูบาดาลาเข้าประมูลแหล่งเอราวัณ) คาดว่าจะส่งรายชื่อผู้ชนะประมูลให้ครม.พิจารณาได้ในเดือนธ.ค.61
สำหรับกลุ่มโรงกลั่น & ปิโตรเคมี คาดว่าธุรกิจโรงกลั่นจะมี Core Profit สูงขึ้นใน 2H61 จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น และมีกำไรจากสต็อกช่วยหนุน สเปรดอะโรเมติกส์ 3Q61 ปรับขึ้นได้ QoQ เพราะอุปสงค์เพิ่มขึ้นแต่อุปทานตึงตัว ขณะที่สเปรดโอเลฟินส์อ่อนลงเป็นเลขหลักเดียว QoQ ซึ่งดีกว่าคาด หุ้นเด่นในระยะสั้นเป็น PTTGC (ราคาพื้นฐาน 113 บาท) เนื่องจากราคาหุ้นในเดือนก.ย.ปรับลงมากกว่าหุ้นโรงกลั่นอื่นเพราะกังวลสเปรดปิโตรเคมีจะลดลงมากแต่ตัวเลข QTD ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ส่วนระยะยาวเราชอบ TOP (ราคาพื้นฐาน 96.50 บาท) ที่คาดการณ์ว่าโครงการพลังงานสะอาด (Clean fuel project) ซึ่งบอร์ดบริษัทอนุมัติโครงการแล้วเมื่อมิ.ย.61 จะทำให้มาร์จิ้นของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยโครงการนี้ทำให้กำลังการผลิตโรงกลั่นเพิ่ม 275KBD เป็น 400KBD และประสิทธิภาพโรงกลั่นสูงขึ้น จากการที่ปริมาณน้ำมันเตาที่มีมาร์จิ้นต่ำจะเป็นศูนย์ (จาก 8% ในปัจจุบัน) และสัดส่วนการใช้น้ำมันดิบหนักจะเพิ่มจากศูนย์เป็น 40% การก่อสร้างใช้เวลา 4 ปี คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในต้นปี 2565