BBL กำไรเพียง 6,961ลบ.Q2/65 ตั้งสำรอง 1.48 หมื่นลบ.ครึ่งปี

HoonSmart.com>>’ธนาคารกรุงเทพ’ประกาศกำไรไตรมาส 2 ปีนี้ โตเพียง 9.50% รวม 6 เดือนกำไรสุทธิ 14,079 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% มีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 13.9% สินเชื่อโต 2.5% ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.18% รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยหดตัว  19.8% ตั้งสำรองฯ 14,843 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ฐานะการเงินแกร่ง ยันช่วยเหลือลูกค้าทุกรูปแบบฝ่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจไปให้ได้ 

ธนาคารกรุงเทพ(BBL) รายงานผลประกอบการงวดไตรมาสที่ 2/2565 มีกำไรสุทธิ 6,961 ล้านบาทหรือ 3.65 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 9.50%จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6,357ล้านบาทหรือ 3.33 บาท

สำหรับผลการดำเนินงานรวม 6 เดือนปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 14,079 ล้านบาทหรือ 7.38 บาท เพิ่มขึ้น 6.02%จากจำนวน 13,280ล้านบาท หรือ 6.96 บาทต่อหุ้นในช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 13.9% จากการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อ ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 2.18%
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 19.8% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการขยายสินเชื่อ

ขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 2.8% เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 50.4% ทั้งนี้ ธนาคารตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 14,843 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรองโดยพิจารณาถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงอยู่

ธนาคารกรุงเทพยังคงดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง ตามแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ
ณ สิ้นเดือนมิ.ย.2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,652,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% จากสิ้นปี 2564 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.4% ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 232.5%

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2565 จำนวน 3,147,149 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับสิ้นปีก่อน อัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 84.3% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 18.9% 15.4% และ 14.6% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด

ทั้งนี้กิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัว การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นต่อเนื่องโดยล่าสุดอยู่ที่ประมาณ 7 แสนคนต่อเดือน อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจยังคงเผชิญความท้าทายจากค่าครองชีพและต้นทุนที่สูงขึ้นจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลาดการเงินที่ผันผวนจากเงินเฟ้อ ความไม่แน่นอนของการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในประเทศเศรษฐกิจหลัก รวมถึงการชะลอตัวของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป

“ธนาคารกรุงเทพยังคงช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยให้การสนับสนุนภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียน พร้อมทั้งให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในขณะเดียวกันธนาคารได้ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ควบคู่กับการรักษาเสถียรภาพฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง”ธนาคารกรุงเทพระบุ