KTB ชูกำไร 8,358 ลบ.Q2/65 รายได้โต รายจ่าย-สำรองลด

HoonSmart.com>>“ธนาคารกรุงไทย”เปิดผลงานไตรมาส2/65 มีกำไรสุทธิ 8,358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% รวม 6 เดือนทำได้ 17,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48% ตั้งสำรองหนี้ลดลง รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัว เดินหน้าเติบโตสินเชื่ออย่างสมดุล คุมค่าใช้จ่ายได้ดี กลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ขยายความร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย  เห็นผลฐานลูกค้าโตก้าวกระโดด ยกระดับผลิตภัณฑ์-บริการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้น

ธนาคารกรุงไทย (KTB) รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 2/2565 มีกำไรสุทธิ 8,358 ล้านบาท กำไรหุ้นละ 0.60 บาท เพิ่มขึ้น 39.04% จากระยะเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,011 ล้านบาท หรือ 0.43 บาทต่อหุ้น แต่กำไรลดลง 4.8%จากไตรมาสแรก เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรม (mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงินในส่วนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ถึงแม้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิขยายตัวได้ดีก็ตาม ทั้งนี้ ธนาคารฯยังคงระดับการตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่ยึดหลักระมัดระวัง โดยเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสที่ผ่านมา

ส่วนผลงานรวม 6 เดือนแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 17,139 ล้านบาท หรือ 1.23 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 47.89% จากที่มีกำไรสุทธิ 11,589 ล้านบาทหรือ 0.83 บาทต่อหุ้นในระยะเดียวกันของปีก่อน

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารฯมุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นในทุกแพลตฟอร์ม ความถี่เข้าใช้งานมากขึ้น หนุนปริมาณธุรกรรมเติบโตต่อเนื่อง สะท้อนถึงการวางยุทธศาสตร์การยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มได้ดียิ่งขึ้นในทุกมิติ สามารถขยายความร่วมมือกับพันธมิตรต่างๆได้หลากหลาย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน สามารถเชื่อมโยง Ecosystem ต่างๆ ครอบคลุมทั้งการขับเคลื่อนมาตรการภาครัฐ บริการด้านสุขภาพ การออมและการลงทุน เช่น บริการซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัล บริการ Gold Wallet และสลากดิจิทัล ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำสถิติขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว  และธนาคารเริ่มเห็นผลลัพธ์จากความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปรับความสมดุลระหว่างคุณภาพสินเชื่อและผลตอบแทน

จากความมุ่งมั่นดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ สนับสนุนให้ผลงานดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 6 เดือนแรกปี 2565 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 48% สาเหตุหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 4.9% จากการเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ ทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ (NIM) เท่ากับ 2.50 % ประกอบกับบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้ดี รวมถึงค่าใช้จ่ายตามฤดูกาล ค่าใช้จ่ายโดยรวมลดลง 0.7% ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ 41.86% ลดลงจาก 43.33% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ธนาคารฯตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 31.0% ในครึ่งปีนี้ แต่ยังคงรักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูงที่ 174.3% เทียบกับ 168.8% เมื่อสิ้นปี 2564 เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ ธนาคารจึงให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด รักษาระดับของการตั้งสำรองระดับสูง รักษาระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง เพื่อรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอน พร้อมดูแลช่วยเหลือลูกค้า และเตรียมพร้อมในการขยายธุรกิจรองรับการแข่งขันในอนาคต

ส่วนผลงานในไตรมาส 2/2565 กำไรเพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีสาเหตุหลักจากรายได้รวมที่ขยายตัว 2.1% ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการเติบโตของสินเชื่อ รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในภาพรวม ส่งผลให้ Cost to Income ratio เท่ากับ  42.48% อยู่ในระดับคงที่จากไตรมาส 2/2564 ธนาคารฯตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 5,669 ล้านบาท ลดลง 30.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการตั้งสำรองไว้ในระดับสูง โดยยังยึดหลักการทำธุรกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะมีผลกระทบกับคุณภาพของสินทรัพย์ ประกอบกับติดตามภาพรวมของเงินให้สินเชื่อและคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด

ธนาคาร มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) นำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินงาน ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริการด้านดิจิทัล ผ่านแพลตฟอร์มของธนาคาร ทั้ง Krungthai NEXT Krungthai Connext เป๋าตัง และ ถุงเงิน โดยได้ต่อยอดบริการผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง”อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านการออมและการลงทุน ผ่านบริการวอลเล็ต สบม. บริการซื้อขายหุ้นกู้ดิจิทัล บริการ Gold Wallet ช่วยให้ผู้ลงทุนเข้าถึงการออมและการลงทุนอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาค สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้ลงทุนยุคใหม่ ล่าสุดมีบริการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล (สลากดิจิทัล) ผ่านเป๋าตัง ปัจจุบัน มีผู้ใช้งานแอปฯเป๋าตังมากกว่า 34 ล้านคน นอกจากนี้ ยังจับมือกับพันธมิตรทำโครงการ Point Pay เปิดให้นำคะแนนสะสมของพันธมิตรมาใช้จ่ายแทนเงินสดในร้านค้าถุงเงิน เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าให้กับร้านค้ารายย่อย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย ให้มียอดขายและรายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน