โบรกฯ ชี้ BEM ร่วงรับรู้ข่าวชนะคดี ชู CK เด่น

บล.อเซียพลัส มอง BEM ร่วง เหตุตลาดรับรู้ข่าวดีชนะคดีกทพ. บวกราคาย้อนหลัง 1 สัปดาห์วิ่งแรง แนะ CK น่าสนใจ ได้ผลดีทางอ้อมถือหุ้น BEM ส่วน SYNTEC แนวโน้ม Q3 ไม่สดใส “ดีบีเอส วิคเคอร์ส” ให้เป้า BEM แถว 10.10-10.60 บาท

ความเคลื่อนไหวหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ราคาปรับตัวลดลงหลังนักลงทุนรับรู้ข่าวชนะคดีกทพ.แล้ว โดยเปิดตลาด 9 บาทและลดลงไปต่ำสุด 8.80 บาท ล่าสุดเวลา 12.11 น. อยู่ที่ 8.85 บาท ลดลง 0.20 บาท หรือ -2.21% มูลค่าการซื้อขาย 651.70 ล้านบาท


บริษัทหลักทรัพยเอเซียพลัส มองกรณีบริษัท ทางด่วนกรุงเทพเหนือ (BEM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท BEM ชนะคดีการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้น BEM อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากราคาหุ้น BEM ย้อนหลังช่วง 1 สัปดาห์ก่อนหน้า (14 ก.ย-21 ก.ย. 61) ปรับขึ้นมาแล้ว 0.65 บาท จาก 8.40 เป็น 9.05 บาท หรือคิดเป็นมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ที่เพิ่มขึ้น 9,935 ล้านบาท ถือว่าได้มีการสะท้อนความคาดหวังเชิงบวกดังกล่าวไปแล้ว

นอกจากนี้ ยังมีหุ้นอีกหลายบริษัทที่ได้รับประโยชน์ทางอ้อมจากการเข้าไปถือหุ้น BEM อาทิ CK แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 32 บาท ซึ่ง CK ถือหุ้น BEM 31.72% โดยหาก BEM ได้รับเงินชดเชยจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย CK ก็จะได้รับส่วนแบ่งกำไรตามส่วนได้เสียจาก BEM มากขึ้นด้วย แต่เชื่อว่าราคาตลาดสะท้อนข่าวนี้แล้วเช่นกัน และ SYNTEC แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 4.70 ซึ่งบริษัทถือหุ้น BEM อยู่ 75 ล้านหุ้น ที่ต้นทุนต่ำเพียง 2.95 บาท/หุ้น เทียบกับราคาหุ้น BEM ปัจจุบัน 9.05 บาท มี Unrealized Gain คิดเป็น 457 ล้านบาท หรือ 0.29 บาท/หุ้น แต่ราคาหุ้นยังไม่ค่อยขยับเท่าใดนัก

ประกอบกับนโยบายบัญชีที่ SYNTEC บันทึก BEM บันทึกเป็นเงินลงทุนระยะยาว (เงินลงทุนเผื่อขาย) ผลกำไรจากเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น BEM จึงถูกบันทึกเข้าไปกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่นและโอนเข้าไปในส่วนของผู้ถือหุ้นทุกสิ้นไตรมาส (ไม่ได้รับรู้ในงบกำไรขาดทุนโดยตรง จนกว่าจะขายออกมาจริง) ประกอบกับหุ้น SYNTEC อาจจะมีความเสี่ยงที่กำไรงวด 3Q61 ไม่สดใส เพราะงานที่ทำระยะหลังเป็นงานเอกชนที่มี gross margin ต่ำ จึงชอบ CK มากกว่า

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) มองเป็นข่าวดีกับ BEM โดยเงินชดเชย 1.8 พันล้านบาท คิดเป็น 0.12 บาท/หุ้น BEM ซึ่งไม่ได้เยอะมาก แต่ราคาหุ้นที่ปรับขึ้นแรงคาดว่าจะมาจากการเก็งกำไรผลประกอบการ 3Q61 ที่ประเมินว่าจะแข็งแกร่ง รวมทั้งบริษัทมีโอกาสได้ต่อสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ส่วน A, B, C ที่จะหมดอายุสัมปทานปี 2563 ซึ่งตามสัญญาเดิมบริษัทสามารถเลือกต่อสัญญาได้ 2 ครั้งๆละ 10 ปี ขึ้นกับการอนุมัติของกทพ.

ทั้งนี้ รายได้จากสัมปทานส่วนที่จะหมดอายุดังกล่าวคิดเป็น 59% ของรายได้รวมในช่วง YTD ถ้าได้ต่อสัมปทานก็จะทำให้ราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5-2.0 บาท/หุ้น โดยให้สมมติฐานส่วนแบ่งรายได้เท่าเดิมและไม่มีการลงทุนใหญ่เพิ่มเติมใน 10 ปีข้างหน้า ยังผลให้ราคาพื้นฐาน BEM จะเพิ่มเป็น 10.10-10.60 บาท ซึ่งมี Upside 12%-17% จากราคาปิดวันศุกร์ที่ 21 ก.ย. ระดับ 9.05 บาท