HoonSmart.com>>หุ้นลงไปทดสอบระดับ 1,530 อีกครั้ง ก่อนดีดกลับปิด 1,533 สร้างโอกาสร่วงต่ำกว่าจุดจิตวิทยา 1,500 จุด 3 โบรกเกอร์แจกกลยุทธ์ บล.หยวนต้าแนะ”ซื้อ” มองมูลค่าถูก บล.กสิกรไทย ทยอยสะสม แถว 1,475 และ 1,500 จุด หยุด Cutloss หุ้นพื้นฐาน ด้านบล.ทรีนีตี้ให้แค่เทรดดิ้ง กลัวซึมยาว เงินเฟ้อสูงกว่า 5% ไม่ดีเสมอ ด้านบจ.ค้าขายที่เมียนมา ดาหน้ายันไม่กระทบนโยบายห้ามชำระหนี้ CBG,OSP ลงต่อ ยกเว้น BH-BDMS
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 19 ก.ค.2565 ดัชนีไหลลงลึกสุดกว่า 24 จุด บริเวณ 1,520.77 จุด ก่อนดีดกลับมาปิดที่ระดับ 1,533.43 จุด ลดลง 11.38 จุด หรือ -0.74% มูลค่าซื้อขาย 57,674.57 ล้านบาท เงินบาทปิดตลาดที่ 36.58 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากภาคเช้าอยู่ที่ 36.70 บาท
หุ้นที่ร่วงลงแรง เกิดจากนักลงทุนสถาบันไทยขายนำ 2,091 ล้านบาท ต่างชาติขายด้วย 1,562.83 ล้านบาท นักลงทุนไทยซื้อสุทธิ 3,113.24 ล้านบาท แรงขายหุ้น CBG,OSP ยังคงแรงกว่าตลาด จากความกังวลผลกระทบจากนโยบายเมียนมาห้ามชำระหนี้ ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงพยายาลที่มีรายได้จากเมียนมา BH ปรับขึ้น 2 บาท และ BDMS ราคาไม่เปลี่ยนแปลง เพราะไม่ได้รับผลลบต่อนโยบายดังกล่าว
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นที่ร่วงแรง จากแรงขายหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า, ธนาคาร,กลุ่มอาหารเครื่องดื่ม โดยกลุ่มโรงไฟฟ้ารับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมาราว 5% และก๊าซธรรมชาติก็ปรับขึ้นด้วย ส่งผลให้ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น อีกทั้งราคาหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้าก็ปรับขึ้นไปมากแล้วก่อนหน้านี้
กลุ่มธนาคารมีความกังวลหนี้ภาคครัวเรือนสูง จากที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ เตรียมเสนอนายกฯแก้ปัญหาหนี้ประชาชน ทำให้กังวลกันว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องเข้ามาร่วมดูแลด้วยหรือไม่ จึงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารก่อน ส่วนกลุ่มอาหารเครื่องดื่ม ได้รับแรงกดดันจากเมียนมาสั่งระงับจ่ายหนี้ต่างประเทศ ซึ่งเป็นแรงกดดันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ดี เงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่เงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อนค่า และเงินยูโรกลับมาแข็งค่า ก่อนการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21 ก.ค.นี้ และหลังจากนั้นก็ต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า ซึ่งดัชนีฯมีโอกาสที่จะลงมาแถว 1,500 จุด และหากดัชนีฯหลุดแนว 1500 จุดก่อนการประชุมเฟดก็ให้ทยอยซื้อได้ และซื้อเพิ่มหลังผ่านการประชุมเฟดไปแล้ว เนื่องจาก Valuation น่าสนใจ แต่ถ้าดัชนีฯลงมาแถว 1,500 จุด หลังการประชุมเฟดก็ให้ซื้อได้เลย
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 20 ก.ค.2565 ตลาดฯคงจะแกว่งออกด้านข้างในช่วงรอดูการประชุม ECB โดยให้แนวรับ 1,520 จุด แนวต้าน 1,540 จุด
บล.กสิกรไทยให้กลยุทธ์ ดัชนีที่ปรับลงมาบริเวณ 1,475 และ 1500 จุดเป็นจุดทยอยสะสมหุ้น แนะนำยังไม่ Cutloss ในหุ้นที่มีพื้นฐาน ส่วนหุ้นแนะนำซื้อ MTC โดดเด่นเทียบ SAWAD และ TIDLOR จากกำไรสุทธิไตรมาส 2/2565 จำนวน 1.38 พันล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 9%เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีมุมมองต่อทิศทางบอนด์ยีลด์ผ่านจุด Peak ไปแล้ว 10 ปีเหลือ 2.62% ลงจาก 3.1% จากความกังวลถดถอย ประเมินเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นไฟแนนซ์ใหญ่และราคาหุ้น MTC ปรับลงไปมากแล้วนับตั้งแต่ต้นปีลงราว 27% จน Valuation น่าสนใจ
บล.ทรีนีตี้ มองปัญหาเงินบาทที่อ่อนค่า ผนวกกับราคาโภคภัณฑ์ที่ยังคงอยู่สูงมีแต่จะสร้างแรงกดดันด้านเงินเฟ้อให้คงอยู่สูงต่อไป ทำให้ดัชนี SET มีโอกาส ‘ซึมยาว’ กว่าที่คาดได้ ผลการศึกษาในอดีต การลงทุนในหุนไทยที่ระดับเงินเฟ้อสูงกว่า 5% ขึ้นไป มักให้ผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบเสมอ
“เรายังคงแนะนำเพียงกลยุทธ์ Trading เท่านั้นหลังจากที่เข้าไปซื้อไม้แรกแล้วบริเวณ 1,500-1,530 จุดสามารถถือครองหุ้นในส่วนดังกล่าวไว้ ประเมินกรอบแนวต้านสําคัญที่ยังไม่น่าผ่านในรอบนี้ บริเวณ 1580 จุด”บล.ทรีนีตี้ระบุ