ต่างชาติทิ้งบอมม์หุ้นไทย -1.22% บล.โนมูระให้แนวรับ 1,524-1,510 จุด

HoonSmart.com>>หุ้นไทยร่วงแรงกว่าภูมิภาค ตกใจเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 7.66%สูงกว่าคาด บีบกนง.ขึ้นดอกเบี้ยเดือนส.ค. สกัดเงินไหลออก เงินบาทเร่งอ่อนค่าปิด 35.83 ทำนิวไฮในรอบ 5 ปีครึ่งเจอต่างชาติทิ้งหุ้นหนัก 3,024.70 ล้านบาท กังวลจีนล็อกดาวน์รอบใหม่ บล.โนมูระให้แนวรับ 1,524-1,510 จุด บล.กสิกรคาดเงินเฟ้อทรงตัวสูงไตรมาส 3 แนะ BEM, BGRIM, GFPT, CPF การค้าโลกผ่อนคลายเชียร์ DELTA, JWD, BANPU, PSL, SCGP 

 

ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 5 ก.ค.2565 ดัชนีระหว่างวันลงไปต่ำสุด 20.95 จุดแตะระดับ 1,539.32 จุด ก่อนฟื้นเล็กน้อยปิดที่ระดับ 1,541.30 จุด ลดลง 18.97 จุด หรือ -1.22% มูลค่าซื้อขาย 76,714.43 ล้านบาท ฝีมือของนักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 3,024.70 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนไทยช้อน 3,687.03 ล้านบาท

ด้านค่าเงินบาทปิดอ่อนค่า 35.83 บาท/ดอลลาร์ ทำนิวไฮในรอบ 5 ปีครึ่งตามภูมิภาค  กังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย ทำให้เงินเปโซอ่อนค่าสุดในรอบ 17 ปี เงินยูโรอ่อนค่าสุดในรอบ 19 ปี เงินรูปีอ่อนค่าสุดในประวัติการณ์

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นบ่ายนี้ปรับตัวลงค่อนข้างมาก รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่เร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ 7.66% สูงกว่าที่คาดไว้ ส่งผลให้เงินบาทเร่งอ่อนค่าขึ้น มาอยู่ที่ 35.8 บาท/เหรียญสหรัฐฯ ทำให้เป็นความเสี่ยงที่เม็ดเงินจะไหลออก

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยหุ้นไทยปรับตัวลงแรงกว่าตลาดอื่นในกลุ่ม TIP ส่วนตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเฉลี่ย 0.5% คืนนี้ให้ติดตามยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ค.ของสหรัฐฯ ซึ่งตลาดคาดไว้ 0.5% พร้อมให้เกาะติดภาษีการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งหากมีการลดหย่อนให้ ทิศทางเศรษฐกิจโลกอาจจะชะลอตัวช้า

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 6 ก.ค.2565 ตลาดยังมีความผันผวน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา โดยให้แนวรับ 1,524-1,510 จุด ส่วนแนวต้าน 1,560 จุด

บล.กสิกรไทยคาดไทยจะเจออัตราเงินเฟ้อทรงตัวสูงตลอดในไตรมาสที่ 3 และจะทำจุดสูงสุด (Peak)จากราคาน้ำมันดิบที่ทรงตัวสูง, ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ฯลฯ และคาดเงินเฟ้อจะเริ่มชะลอลงในงวดไตรมาสที่ 4 เชื่อว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)จำเป็นต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ซึ่งผลจากเงินเฟ้อที่ยังทรงตัวสูงจะบวกต่อหุ้น BEM BGRIM GFPT, CPF และกลุ่มธนาคารพาณิชย์แนะนำคือ SCB และ BBL

นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า  อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เดือนมิ.ย.  อยู่ที่ระดับ 107.85 เพิ่มขึ้น 7.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสูงกว่าที่ตลาดคาด 7.5% และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.90% จากเดือน พ.ค.ที่ผ่านม ส่งผลให้เงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้น 5.61% ทั้งนี้เงินเฟ้อในเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น 7.1%

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนมิ.ย. 2565 อยู่ที่ระดับ 102.99 เพิ่มขึ้น 2.51% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 0.24% จากเดือน พ.ค. ส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 1.85%

ทั้งนี้สนค.จะยังคงคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2565 ไว้ในกรอบเดิมก่อนที่ 4-5% โดยค่ากลางอยู่ที่ 4.5% เนื่องจากสถานการณ์ที่ยังมีความไม่แน่นอนในหลายปัจจัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ด้านธนาคารกรุงไทย Krungthai COMPASS คาดอัตราเงินเฟ้อทั้งปีอยู่ที่ 6.1% จากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซียที่ยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ที่จะทำให้ราคาพลังงานยืนสูงตลอดทั้งปี อีกทั้งในช่วงที่เหลือของปีคาดว่าการส่งผ่านต้นทุนผู้ประกอบการไปยังราคาสินค้าและบริการจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากดัชนีราคาผู้ผลิตที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้านอุปสงค์ในประเทศที่คาดว่าจะปรับดีขึ้น จากนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะคึกคักขึ้นหลังเปิดประเทศ รวมถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่จะค่อยๆฟื้นตัว จะยิ่งช่วยสนับสนุนการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อเดือนมิ.ย.ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนพ.ค.อยู่ที่ 7.1% เป็นแรงกดดันให้กนง. ต้องพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกบี้ยอย่างแน่นอน แต่จะต้องติดตามว่าการประชุมในวันที่ 10 ส.ค.จะเพิ่มขึ้น 0.25% หรือ 0.50%