SABUY เพิ่มทุนขาย PP เข้าลงทุน “ไอซอฟต์เทล-อุ๊ปส์เน็ตเวิรค์-เรดเฮ้าส์”

HoonSmart.com>> บอร์ด “สบาย เทคโนโลยี” อนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียน 726 ล้านหุ้น จัดสรร 29.90 ล้านหุ้นให้ “อานนท์ชัย วีระประวัติ-ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง-อุ๊ปส์ มีเดีย โฮลดิ้ง” รองรับแผนเข้าลงทุน “ซอฟต์เทล คอมมูนิเคชั่น-อุ๊ปส์ เน็ตเวิรค์-เรดเฮ้าส์ ดิจิทัล” พร้อมจัดสรร 80 ล้านหุ้น เสนอขายบุคคลในวงจำกัด ออกวอร์แรนต์ SABUY-W2 จำนวน 616.42 ล้านหุ้นแจกผู้ถือหุ้นเดิม 5 ต่อ 2 ขึ้น XW 1 ก.ย.65

บริษัท สบาย เทคโนโลยี (SABUY) เปิดเผยว่า ตามที่บริษัทฯ มีแผนจะเข้าลงทุนในธุรกรรมต่างๆ บริษัท ไอซอฟเทล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ซอฟต์เทล คอมมูนิเคชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท อุ๊ปส์ เน็ตเวิรค์ จำกัด (MKO) บริษัท เรดเฮ้าส์ ดิจิทัล จำกัด (RH) เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของบริษัท รวมทั้งเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ SABUY-W2 ชุดใหม่และเพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate)

ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2565 มีมติให้ความเห็นชอบและให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการลดทุนจดทะเบียนของบริษัท จากทุนเดิม 2,078,059,025 บาท เป็น 1,523,053,760 บาท และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 726,335,581 บาท เป็น 2,249,389,341 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 726,335,581 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

1) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 17,592,920 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขาย 28.25 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 496,999,990 บาท ให้แก่นายอานนท์ชัย วีระประวัติ ซึ่งเป็นบุคคลในวงจำกัด (Private Placement) และเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท โดยนายอานนท์ชัย จะชำระค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนด้วยเงินสด แทนการชำระด้วยใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 ซึ่งที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2565

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน AIT โดยการซื้อหุ้นสามัญและใบส าคัญแสดงสิทธิAIT-W2 โดยบริษัทฯ ได้รับโอนหุ้นสามัญของ AIT จำนวน 30,000,000 หุ้น และใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 จากนายอานนท์ชัย และชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวน 7,518,584 หุ้น ให้แก่นายอานนท์ชัย เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.2565

อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุขัดข้องที่บริษัทฯ ไม่อาจจดทะเบียนใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 เป็นการชำระค่าตอบแทนเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้ บริษัทฯ จึง
มีความประสงค์ที่จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายให้แก่นายอานนท์ชัยโดยการรับชำระค่าตอบแทนเป็นเงินสดแทนการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้แก่นายอานท์ชัย เพื่อเป็นการชำระราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ AIT-W2 ซึ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2565 เมื่อวันที่ 27 เม.ย.2565

2) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 8,742,857 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 28 บาท มูลค่ารวม 244,800,000 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ได้แก่ จากบริษัท ไอ เอส เอฟ โฮลดิ้ง จำกัด (ISF Holding) เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการที่ ISF Holding จะทำการโอนกิจการทั้งหมดของ ISF Holding ให้แก่บริษัท

3) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 3,571,428 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 28 บาท มูลค่ารวม 99,999,984 บาท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัทฯ ได้แก่ MKO Holding เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการที่ MKO Holding จะทำการโอนกิจการทั้งหมดของ MKO Holding ให้แก่บริษัท

4) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 616,428,376 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ซึ่งออกให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (Rights Offering) ครั้งที่ 2 (SABUY-W2) ชุดใหม่ โดยไม่คิดมูลค่า (ศูนย์บาท) โดยมีอัตราการจัดสรรเท่ากับ 5 หุ้นเดิมต่อ 2 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยใบสำคัญแสดงสิทธิดังกล่าวมีอายุ 2 ปีนับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และมีอัตราการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 5 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record date) ในวันที่ 2 ก.ย.2565 วันที่ไม่ได้รับสิทธิซื้อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ก.ย. 2565

5) จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 80,000,000 หุ้น (คิดเป็น 5.59% ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัทฯ) มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท เพื่อรองรับการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป (General Mandate) ให้แก่บุคคลในวงจำกัด โดยบริษัทฯ จะออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งเดียวเต็มจำนวน หรือบางส่วนก็ได้ โดยเสนอขายเป็นคราวเดียวหรือเป็นคราวๆ ไปก็ได้

การเพิ่มทุนในครั้งนี้เป็นการเพิ่มศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการขยายและต่อยอดธุรกิจให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นในอนาคต