HoonSmart.com>> ดัชนีหุ้นปิดภาคเช้าที่ 1,562.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.12 จุด ยังได้แรงประคองจากกลุ่มธนาคาร-ท่องเที่ยวท่ามกลางตลาดต่างประเทศที่กังวลเศรษฐกิจถดถอย-จากเงินเฟ้อสูง-หลายธนาคารกลางเร่งขึ้นดอกเบี้ย-ส่งต้นทุนการทำธุรกิจสูงขึ้นทั่วโลก-Fund Flow ไหลออก-เงินบาทอ่อนค่า หลายปัจจัยต่างกดดัน โดยกลุ่มพลังงานนำดิ่งหลังรัฐฯขอให้แบ่งกำไรส่วนเพิ่มมาช่วยหลังราคาพลังงานสูง แนวโน้มภาคบ่ายดัชนีฯควรจะยืนเหนือ 1,550 ให้ได้ หากไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,530 แนวต้าน 1,570 จุด
ตลาดหุ้นวันที่ 30 พ.ค.2565 ดัชนีปิดภาคเช้าที่ระดับ 1,562.22 จุด เพิ่มขึ้น 1.12 จุด หรือ +0.07% มูลค่าการซื้อขาย 54,829.35 ล้านบาท โดยดัชนีขึ้นไปแตะ 1567.82 จุด และต่ำสุด 1,544.26 จุด
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นเช้านี้ย่อตัวลง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนลบ จากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย จากเงินเฟ้อสูง และนโยบายหลายธนาคารกลางต่างก็เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่งต้นทุนการทำธุรกิจที่สูงขึ้นทั่วโลก และ Fund Flow ที่ไหลออกต่อเนื่อง รวมถึงเงินบาทอ่อนค่า เป็นปัจจัยที่กดดันตลาดอยู่
ทั้งนี้ ตลาดฯรับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวลงนำตลาด หลังภาครัฐฯของความร่วมมือในการแบ่งกำไรส่วนเพิ่มมาช่วยหลังราคาพลังงานสูง หุ้นในกลุ่มพลังงานจึงปรับฐานอย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงประคองจากหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ทั้งหุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น และ Valuation ยังไม่แพง, หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว อย่างหุ้น AOT และหุ้นในกลุ่มโรงแรมกระตุกกลับมาได้ดีขึ้น หลังภาครัฐฯจะมีมาตรการลดภาษีฯในการให้พนักงานของบริษัทไปอบรมต่าง ๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสามารถจะทำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีฯได้ คาดว่าเรื่องนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า
สำหรับแนวโน้มภาคบ่ายดัชนีฯควรจะยืน 1,550 จุดให้ได้ หากไม่ได้จะมีแนวรับถัดไปที่ 1,530 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด นอกจากนี้ช่วงท้ายตลาดให้จับตาการปรับน้ำหนักการลงทุนของฟุตซี่ ซึ่งจะปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยเล็กน้อย ทำให้หุ้นไทยอาจเซบ้างแต่ไม่มาก และติดตามตลาดหลักทรัพย์จะปรับหุ้นเข้า/ออกในกลุ่ม SET50 และ SET100
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
PTT อยู่ที่ 34.00 บาท ลดลง 0.75 บาท หรือ -2.16% มูลค่าซื้อขาย 5,228.51 ล้านบาท
KBANK อยู่ที่ 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ +1.35% มูลค่าซื้อขาย 2,179.01 ล้านบาท
PTTEP อยู่ที่ 162.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ -2.11% มูลค่าซื้อขาย 1,747.45 ล้านบาท
TOP อยู่ที่ 50.00 บาท ลดลง 3.25 บาท หรือ -6.10% มูลค่าซื้อขาย 1,740.95 ล้านบาท
SCB อยู่ที่ 107.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ +1.42% มูลค่าซื้อขาย 1,603.43 ล้านบาท