HoonSmart.com>> “ฟิทช์เรทติ้งส์” มอง “ธนาคารกสิกรไทย” มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จากการขยายธุรกิจในอินโดนีเซียแต่ยังไม่มีผลกระทบต่ออันดับเครดิต
ฟิทช์ เรทติ้งส์ กล่าวว่า แผนของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) (‘BBB’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคาร PT Bank Maspion Indonesia Tbk (Maspion) เป็น 67.5% จาก 9.99% สะท้อนให้เห็นว่าธนาคารไทยกำลังมองหาโอกาสในการทำรายได้นอกประเทศ
ฟิทช์ เชื่อว่า การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มเติมใน Maspion ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งทางการเงินของ KBank (ซึ่งสะท้อนได้จาก อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารที่ ‘bbb’) เนื่องจาก Maspion มีสินทรัพย์เพียงประมาณ 998 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 0.8% ของสินทรัพย์ของ KBank หรือประมาณ 1.3% ของสินทรัพย์เสี่ยง อีกทั้งอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ (CET1) ของ KBank ที่ 15.3% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 น่าจะช่วยรองรับผลกระทบจากกลยุทธ์การขยายธุรกิจได้ในระยะสั้น
อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ KBank พิจารณาจากทั้งอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินและอันดับเครดิตสนับสนุนจากรัฐบาลที่ ‘bbb’ ดังนั้นการปรับลดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินเพียงอย่างเดียวไม่น่าจะส่งผลต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของธนาคาร
ธนาคารไทยเผชิญกับความท้าทายเชิงกลยุทธ์ในการที่จะสร้างการเติบโตให้เป็นไปตามเป้าหมาย ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่อ่อนแอและสภาพแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ (สามารถดูได้จาก Fitch Wire “Thai Deals Highlight Asian Banks’ Rising Risk Appetite” ลงวันที่ 29 มกราคม 2020) แม้ที่ผ่านมาธนาคารไทยจะไม่ได้มีการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศมากนัก แต่ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต
ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือการเข้าซื้อกิจการของธนาคาร PT Bank Permata ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL (BBB’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2563 ด้วยมูลค่าประมาณ 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BBB+/Stable) ยังได้ลงทุนในสถาบันการเงินในประเทศฟิลิปปินส์และเวียดนามในช่วงสองปีที่ผ่านมา การลงทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศที่มีสภาพแวดล้อมการดำเนินงานที่ค่อนข้างอ่อนแอ ในท้ายที่สุดอาจสะท้อนถึงระดับการยอมรับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของธนาคารไทยและอาจเป็นปัจจัยลบต่อระดับคะแนนสภาพแวดล้อมการดำเนินงานของธนาคารไทยจากการถัวเฉลี่ยความเสี่ยง
ฟิทช์มองว่าสินเชื่อต่างประเทศของ KBank ยังคงคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับ BBL ที่มีสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศที่ 25% ทั้งนี้ฟิทช์จะติดตามประเมินสถานะความเสี่ยง คุณภาพสินทรัพย์ และสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานของ KBank เพื่อดูผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร แม้ว่าการขยายธุรกิจในต่างประเทศอาจเป็นผลดีต่อเครือข่ายการดำเนินธุรกิจและกำไรของธนาคารด้วยก็ตาม