RICHY เล็งหั่นเป้ารายได้ปีนี้ แตกไลน์ธุรกิจใหม่ด้านสุขภาพ

HoonSmart.com>>”ริชี่ เพลซ”เล็งปรับลดเป้ารายได้ปีนี้โตไม่ถึง 20% เหตุต้นทุนก่อสร้างสูง-กำลังซื้อไม่เสถียร ด้านผลงานไตรมาส 2  คาดทรงตัวจากไตรมาส 1 เล็งแตกไลน์ธุรกิจใหม่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จะร่วมลงทุน คาดคืบหน้าก.ค.นี้  เตรียมสร้างคอนโดฯสูง 32 ชั้น ที่ตลาดพลู-วุฒากาศ มูลค่าโครงการราว 1,700 ล้านบาท  “ดร.อาภา”รู้สึกไม่พอใจราคาหุ้นยังต่ำกว่าบุ๊คแวลู ที่มีกว่า 2 บาท เตรียมออกหุ้นกู้ 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี ส.ค.นี้

ดร.อาภา อรรถบูรณ์วงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ริชี่ เพลซ 2002 (RICHY) เปิดเผยว่า ปี 2565 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% แต่อาจจะต้องปรับลดเป้าหมายลง จากอุปสรรคหลายเรื่อง ทั้งต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น และกำลังซื้อที่ยังไม่เสถียร ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น สำหรับผลงานไตรมาส 2 คาดว่าจะออกมาทรงตัวจากไตรมาส 1/2565

นอกจากนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างการหารือในการแตกไลน์ไปทำธุรกิจใหม่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (Healthy) เพื่อตอบรับเทรนด์คนที่ต้องการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยบริษัทคาดว่าจะทำในลักษณะของการร่วมลงทุน ซึ่งคาดว่าในเดือนก.ค.นี้จะมีความคืบหน้า

ส่วนแผนงานในปี 2565 บริษัทฯยังคงจะเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการกว่า 6,000 ล้านบาท โดยทำไปแล้ว 2 โครงการ เป็นบ้านจัดสรร เป็นโครงการริชตัน ที่พัฒนาการ สวนหลวง และโครงการริชตัน ที่ดอนเมือง เพิ่มสิน และล่าสุดได้มีการอนุมัติให้ทำโครงการเป็นคอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้น ที่ตลาดพลู-วุฒากาศ จะมีเกือบ 800 ห้อง มูลค่าโครงการประมาณ 1,700 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 2 ปีหรือประมาณปี 2567 ส่วนอีกโครงการเป็นคอนโดมิเนียมสูงราว 40 ชั้น ขณะนี้รอดูทิศทางเศรษฐกิจก่อน ถ้าเศรษฐกิจดีก็จะทำต่อไปได้

“คอนโดฯที่ติดสถานีรถไฟฟ้ากลับมาดีขึ้น แต่ลูกค้าบางรายติดปัญหาการขอสินเชื่อ จากธนาคารเข้มงวดมากในการให้สินเชื่อ ดังนั้นเราต้องทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้ลูกค้าด้วย เพื่อให้ผ่านระบบแบงก์ โดยเราอาจจะมีคำแนะนำไม่ให้ซื้อเกินตัว ตอนนี้ขายเฉย ๆ ไม่ได้แล้วต้องช่วยลูกค้าด้วย”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RICHY กล่าวถึงราคาหุ้น RICHY ในปัจจุบันว่า รู้สึกไม่พอใจกับราคาหุ้นที่เทรดอยู่ เพราะราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value) ที่มีกว่า 2 บาทต่อหุ้น พร้อมกันนี้บริษัทฯเตรียมจะเสนอขายหุ้นกู้มีหลักประกันประมาณ 400 ล้านบาท อายุ 2 ปี โดยคาดว่าจะออกในเดือนส.ค.นี้ ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้ในการก่อสร้าง ปัจจุบันบริษัทฯมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 1.5 เท่า

หุ้น RICHY ปิดล่าสุด (10 มิ.ย.) ที่ 1.01 บาท เพิ่มขึ้น 0.01 บาท หรือ +1% ขณะที่มูลค่าทางบัญชีปี 64 อยู่ที่ 2.14 บาท

ดร.อาภา กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้เริ่มจะดีขึ้น แต่เศรษฐกิจโลกยังต้องติดตามดูต่อไป ซึ่งต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้ค่าก่อสร้างใหม่ปรับขึ้นไป 10% แล้ว ทั้งเหล็ก, สายไฟฟ้า, คอนกรีต, กระเบื้อง เป็นต้น ซึ่งอาจจะต้องผลักภาระไปยังผู้ซื้อบางส่วน แต่ตอนนี้บริษัทฯยังไม่ได้มีการปรับราคาขายขึ้น เพราะยังเป็นสต็อกเก่าที่มีอยู่ ดังนั้นถ้าคนที่ต้องการจะซื้อบ้าน คอนโดฯ ก็ให้รีบซื้อ มีตัวเลือกมาก และราคายังถูก แต่หากเป็นโครงการใหม่ต้องมีการปรับราคาขายขึ้นบ้างตามต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้น

“ช่วงนี้ผู้ประกอบการจะปรับขึ้นราคาน้อย เพื่อที่จะกระทบผู้บริโภคให้น้อยที่สุด การปรับขึ้นอาจเป็นขั้นบันได เพราะห่วงผู้บริโภค เพราะถ้าราคาสูงขึ้นผู้บริโภคก็จะตัดสินใจยากไปด้วย”ดร.อาภากล่าว