รมว.คลังลั่น ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังไม่มีนโยบายให้ธนาคารทหารไทยและกรุงไทยควบรวมกัน และไม่ได้รับแจ้ง หากจะทำจริงต้องศึกษาข้อดีและข้อเสียก่อน ส่วนเรื่องการประชุมของกนง.วันนี้ การขึ้นดอกเบี้ยยังไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสม
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ยังไม่มีนโยบายให้มีการควบรวมธนาคารทหารไทย (TMB) กับธนาคารกรุงไทย (KTB) ตามที่มีกระแสข่าวออกมา หากจะมีการดำเนินการ ทั้ง 2 ธนาคารควรจะต้องแจ้งเรื่องมาให้กระทรวงการคลังได้พิจารณารับทราบก่อน ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 ธนาคาร และหากแจ้งมา ก็ต้องให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ไปศึกษาข้อดี-ข้อเสียจากการควบรวมก่อน
ก่อนหน้านี้ที่กระทรวงการคลังได้ออก พ.ร.ฎ.ออกตามความในประมวลรัษฎรกรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร หรือมาตรการเพื่อสนับสนุนการควบรวมธนาคารพาณิชย์ไทย และการจัดทำแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ระยะที่ 2 โดยมีเป้าหมายลดต้นทุนของระบบ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสถาบันการเงิน ส่งเสริมการแข่งขัน และการเข้าถึงบริการทางการเงิน ตลอดจนส่งเสริมให้สถาบันการเงินมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วยการควบรวมกันโดยสมัครใจนั้น รมว.คลัง ระบุว่า กรณีดังกล่าวเป็นเพียงหลักการที่มุ่งให้ธนาคารพาณิชย์ หรือสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น ซึ่งแต่ละธนาคารพาณิชย์จะต้องไปหารือกันเอง คงไม่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลัง
“หลักการต้องการให้ธนาคารพาณิชย์มีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่กระทรวงฯ ไม่ได้ตั้งธงว่าแบงก์ไหนจะไปควบรวมกับแบงก์ไหน เป็นเรื่องที่แต่ละแบงก์ต้องไปหารือกันเอง” รมว.คลังระบุ
ส่วนกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง)มีการประชุมวันที่ 19 ก.ย.เพื่อพิจารณาเรื่องอัตราดอกเบี้ยนายอภิศักดิ์กล่าวว่า กระทรวงการคลังคงไม่สามารถไปสั่งการเกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องนโยบายอัตราดอกเบี้ยของกนง.ที่จะมีการประชุมกันในวันนี้ได้ เพียงแต่ต้องการให้พิจารณาถึงจังหวะและภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ด้วยว่าอาจจะยังไม่ใช่ช่วงเวลาเหมาะสมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ควรจะยืนในระดับเดิมไว้ก่อน
นอกจากนี้การประชุม กนง.ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ก็ควรพิจารณาปัจจัยเกี่ยวกับความผันผวนของตลาดโลก โดยต้องดูปัจจัยต่าง ๆ ทั้งหมดมาประกอบกัน หากยังไม่มีความจำเป็นใด ๆ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปีนี้ก็ควรจะนิ่ง ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลง
อ่านประกอบ
ลุยเก็งกำไร TMB ราคากระฉูด วอลุ่มหนุน ข่าวเก่าควบรวมแบงก์กรุงไทย