“ฟินโนมีนา” เปิดตัว 4 พอร์ต เลือกลงทุน 3 กองที่ดีที่สุด

บลน.ฟินโนมีนา ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ FINNOMENA Best-in-class Portfolio พอร์ตลงทุนที่เลือก 3 กองทุนผลตอบแทนดีที่สุดในระบบ เริ่ม 4 ธีมกองทุนยอดฮิต หุ้นไทยขนาดใหญ่ – อสังหาฯ – เทคโนโลยี – Healthcare มั่นใจให้ผลตอบแทนดีกว่ากองทุนทั่วไป

นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน (บลน.) ฟินโนมีนา กล่าวว่า บริษัทออกผลิตภัณฑ์ FINNOMENA Best-in-class Portfolio (BIC) โดย บลน.ฟินโนมีนา จะเลือกกองทุนที่ดีที่สุดในระบบ 3 กองทุนมาจัดเป็นพอร์ตลงทุนให้นักลงทุนเลือกลงทุน โดยพิจารณาจากความสม่ำเสมอของผลตอบแทนระยะยาว, ผลตอบแทนปรับด้วยความเสี่ยง และ การขาดทุนสูงสุดในอดีต (Maximum Drawdown)

“กองทุนที่ดีที่สุดไม่ใช่กองทุนที่ใหญ่ที่สุดเสมอไป และไม่ใช่กองที่ผลตอบแทนปีล่าสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยเช่นกัน แต่กองทุนที่ดีที่สุดในแต่ละประเภทมีกุญแจสำคัญคือต้องมีการขาดทุนสูงสุดในอดีตของกองทุนต่ำ และมีผลตอบแทนที่สม่ำเสมอในระยะเวลาการลงทุน 3 ปี” นายเจษฎา กล่าว

ทั้งนี้ พอร์ต Best-in-class จะมี 4 ธีมการลงทุนได้แก่ กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ กองทุนที่ลงทุนในกองอสังหาฯ และ REITs, กองทุนหุ้นเทคโนโลยี และกองทุนหุ้น Healthcare โดยเป็น 4 ธีมการลงทุนที่มีแนวโน้มที่ดี

กองทุนหุ้นไทยขนาดใหญ่ – เนื่องจากเห็นโอกาสที่ประเทศไทยกำลังจะมีเลือกตั้งในช่วงต้นปี 2562 ซึ่งมีโอกาสที่ดีที่เงินลงทุนจะไหลกลับมาลงทุนในประเทศไทยอีกครั้ง ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจและกำไรไตรมาส 2 ที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่เติบโตดี

กองทุนที่ลงทุนในกองทุนอสังหาฯ และ REITs – เนื่องจากอัตราเงินปันผลของกองทุนอสังหาฯ ที่ 5-7% ต่อปี สูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากอยู่มาก ทำให้กองทุนประเภทนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ

กองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยี – เทคโนโลยี AI Social Media และการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในยุคดิจิทัล ยังเป็น Mega Trend ของโลกอีกต่อเนื่อง

กองทุนหุ้น Healthcare – เป็นธีมการลงทุน Mega Trend ในระยะยาว เนื่องจากหลายประเทศในโลกกำลังเข้าสู่ยุคสังคมสูงวัย

“เรายังพบอีกว่า กองทุนที่เป็น Best-in-class ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ เช่น กองทุน หุ้นไทยขนาดใหญ่ ซึ่งเป็น Best-in-class ให้ผลตอบแทนสะสมย้อนหลังที่ 54% ขณะที่กองทุนที่มี FINNOMENA Score อยู่ท้ายตารางให้ผลตอบแทนสะสมย้อนหลังเพียง 7% เราจึงเชื่อว่าการลงทุนในกองทุน Best-in-class จะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์นักลงทุนไทยได้เป็นอย่างดี” นายเจษฎา กล่าว

เปรียบเทียบผลตอบแทน กองทุน Global Property ระหว่าง “กองทุนที่ดีที่สุด 3 กองทุนที่คัดเลือกโดย ฟินโนมีนา” และ “กองทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำสุด 3 กองทุน”

ทั้งนี้ ฟินโนมีนา จะปรับพอร์ตกองทุน Best-in-class อย่างน้อยปีละครั้ง โดยทั้ง 4 ธีมกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำที่ 1 ล้านบาท เนื่องจากเป็นการลงทุนที่มีการกระจุกตัวในแต่ละ Sector จึงควรเป็นนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจและรับความเสี่ยงของแต่ชนิดสินทรัพย์ที่ลงทุนได้ โดย บลน.ฟินโนมีนา เสนอขายครั้งแรกในวันที่ 17 ก.ย. – 1 ต.ค. 61 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท