HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นปิดร่วง 25.09 จุด เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศ กังวลเงินเฟ้อสูงจะผลักดันให้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย และสถานการณ์ยูเครนยังยืดเยื้อหวั่นส่งผลกระทบระยะยาว รวมถึงเงินบาทอ่อนค่ามากในรอบหลายปีกดดันให้เงินทุนไหลออก รอบสัปดาห์นี้ดัชนีฯมีโอกาสลงลึกถึง 1,580 จุด บัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 7,284.14 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 8,347.32 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มวันพรุ่งนี้แกว่งตัว-มีลุ้นรีบาวด์หลังลงไปลึก พร้อมให้แนวรับ 1,590-1,600 แนวต้าน 1,620 จุด
ตลาดหลักทรัพย์วันที่ 9 พ.ค.2565 ดัชนีปิดที่ระดับ 1,604.49 จุด ลดลง 25.09 จุด หรือ -1.54% มูลค่าซื้อขาย 81,607.55 ล้านบาท โดยดัชนีแตะสูงสุด 1,624.26 จุด ต่ำสุด 1,604.06 จุด
นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 430.56 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 7,284.14 ล้านบาท ด้านนักลงทุนในประเทศขายสุทธิ 8,347.32 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 1,493.74 ล้านบาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.พาย กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภคเอเชียต่างติดลบกัน โดยเฉพาะ Emerging Market ปรับตัวลงมาก อย่างตลาดหุ้นเวียดนาม และตลาดหุ้นอินโดนีเซีย ที่ร่วงไป 4% มากเป็นพิเศษ จากความกังวลเงินทุนไหลออก ขณะที่ตลาดอื่นในภูมิภาคจะติดลบราว 1-2% เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ติดลบ เหมือนกับดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส จากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯที่จะออกมาในสัปดาห์นี้ โดยถ้าเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมามากกว่า 8.5% ก็จะสร้างความกังวลให้นักลงทุน แต่ถ้าออกมาต่ำกว่าหรือต่ำกว่าระดับ 8% ก็จะทำให้นักลงทุนคลายความกังวล และมีโอกาสที่ตลาดฯจะรีบาวด์ได้
“หากเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาสูงก็เป็นแรงผลักดันให้เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แม้ประธานเฟดออกมาพูดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.5% แต่ถ้าเงินเฟ้อสูง คนก็ไม่เชื่อคำพูดของประธานเฟด และมองเฟดมีโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยมากกว่าที่พูดไว้”
นอกจากนี้ สถานการณ์สงรามระหว่างรัสเซีย และยูเครนก็ยังยืดเยื้อ และอาจส่งผลกระทบในระยะยาวได้ รวมถึงเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 34.6 บาท/เหรียญสหรัฐฯ อ่อนค่าสุดนับจากเดือนส.ค.2560 ทำให้เงินทุนต่างชาติมีโอกาสไหลออก จึงมองในรอบสัปดาห์นี้ดัชนีฯมีโอกาสที่จะลงลึกสุดแถว 1,580 จุด ซึ่งยังต้องระวังการลงทุนในช่วงนี้
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 10 พ.ค.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัว แต่ก็มีโอกาสรีบาวด์ได้หลังจากลงไปลึก พร้อมให้แนวรับ 1,590-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620 จุด
5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด ได้แก่
SCB ปิดที่ 110.50 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ -2.64% มูลค่าซื้อขาย 2,225.09 ล้านบาท
TOP ปิดที่ 58.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ +0.86% มูลค่าซื้อขาย 1,864.71 ล้านบาท
PTTEP ปิดที่ 154.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,855.15 ล้านบาท
BANPU ปิดที่ 12.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 1,785.25 ล้านบาท
GULF ปิดที่ 45.75 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ -3.17% มูลค่าซื้อขาย 1,734.14 ล้านบาท