GPSC จุก กำไรแค่ 313 ลบ.Q1/65 ดิ่งแรง 84% เจอค่าก๊าซ-ถ่านหินพุ่ง

HoonSmart.com>>”โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่” นำกลุ่มไฟฟ้าแจ้งผลงานไตรมาส 1/65 รอดพ้นการขาดทุนหวุดหวิด  SPP เจอราคาก๊าซ-ถ่านหินพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ฉุดมาร์จิ้นขายไฟให้กลุ่มอุตสาหกรรมลดลง ยังดีได้มาร์จิ้นจาก IPP มาช่วย แถมกำไรพิเศษ  592 ล้านบาทจากการขายหุ้นทั้งหมดในบริษัท อิจิโนเซกิโซล่า พาวเวอร์1จีเค (ISP1) และรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิ  483 ล้านบาท

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาสที่ 1/2565 มีกำไรสุทธิเพียง 313 ล้านบาท คิดเป็นกำไรหุ้นละ 0.11 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,973 ล้านบาท หรือ 0.70 บาทต่อหุ้น และลดลง 855 ล้านบาทหรือ 73% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 /2564

นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 ลดลงมากถึง  84% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาจากผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ลดลง เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้อัตรากำไร (margin) จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมลดลง โดยมีปริมาณการจำหน่ายคงที่ ส่วนปริมาณการจำหน่ายไอน้ำเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าให้กฟผ.ลดลงเล็กน้อย

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าผู้ผลิตอิสระ (IPP) เพิ่มขึ้น จากรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้า (EP) ตามปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนการเรียกรับไฟฟ้าของกฟผ.และการจัดการการผลิตโดยใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติ ทำให้margin จากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯมีการรับรู้กำไรสุทธิหลังหักภาษีและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องจากการขายหุ้นทั้งหมด 100% ในบริษัท อิจิโนเซกิโซล่า พาวเวอร์1จีเค (ISP1) ให้กับบริษัท CES Iwate Taiyoko Hatsudensho GK แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 18 มี.ค.2565 จำนวน 592 ล้านบาท และบริษัท ฯ ยังรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการสุทธิหลังภาษีจำนวน 483 ล้านบาท ซึ่งส่วนหลักได้มาจากการบริหารจัดการการผลิตและใช้โครงข่ายไฟฟ้าและไอน้ำร่วมกัน การบริหารส่วนการพาณิชย์ด้านต้นทุน การผลิตและการขยายฐานลูกค้า การบริหารจัดการต้นทุนการผลิต และการบริหารจัดการหุ้นกู้

ส่วนโรงไฟฟ้าโกลว์ พลังงาน ระยะที่ 5 ได้กลับมาเดินเครื่องตามปกติตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค.2565 หลังหยุดเดินเครื่องนอกแผนงานในช่วงวันที่ 14 ส.ค. 2564 – 8 มี.ค. 2565 โดยบริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการด้านประกันภัยที่ยังคงเหลือ คาดว่าจะสามารถรับรู้ในปี2565

สำหรับโรงไฟฟ้าเก็คโค่วันมีการหยุดเดินเครื่องนอกแผนงาน จำนวน 11 วัน เมื่อวันที่ 19 ม.ค.-30 ม.ค.2565 และจำนวน 7 วัน ระหว่างเดือนก.พ.และมี.ค.โดยได้กลับมาเดินเครื่องตามปกติแล้ว

ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565 บริษัท ฯ และบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 268,447 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 150,206 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้น 118,241 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2565 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) มีมติเห็นชอบค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) สำหรับการเรียกเก็บรอบเดือนพ.ค.-ส.ค.2565 ที่ 24.77 สตางค์ต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากรอบก่อนหน้า 23.38 สตางค์ต่อหน่วย สาเหตุหลักมาจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้ามีความผันผวนและมีราคาสูงขึ้น จากวิกฤตราคาพลังงานโลกที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์