HoonSmart.com>>บล.กสิกรไทยคาดหุุ้นยังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่า 1,700 จุด สัปดาห์หน้า ให้แนวรับแรก 1,650 จุด ติดตามผลประชุมเฟด ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของไทย ผลประกอบการบจ. ทิศทางเงินทุนไหลเข้า ส่วนค่าเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองหุ้นสัปดาห์ถัดไป (2-6 พ.ค.65) ว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,650 และ 1,625 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,685 และ 1,700 จุด ตามลำดับ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (3-4 พ.ค.) ดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนเม.ย. ของไทย สถานการณ์โควิด-19 ทิศทางเงินทุนต่างชาติ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 1/65 ของบจ.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการนำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค. ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของจีน ตลอดจนดัชนีราคาผู้ผลิต และยอดค้าปลีกเดือนมี.ค. ของยูโรโซน
หุ้นปรับตัวลงจากสัปดาห์ก่อน เริ่มตั้งแต่ช่วงต้นถึงกลางสัปดาห์สอดคล้องกับทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศ ท่ามกลางปัจจัยลบหลายปัจจัย อาทิ ความกังวลเกี่ยวกับการเร่งคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยังคงยืดเยื้อ การประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่ของจีน อย่างไรก็ดี หุ้นฟื้นตัวกลับมาได้บางส่วนในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ หลังตอบรับปัจจัยลบข้างต้นไปพอสมควร ประกอบกับมีแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานและวัสดุก่อสร้างกลับมาบางส่วน
ในวันศุกร์ (29 เม.ย.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,667.44 จุด ลดลง 1.37% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 75,679.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.11% ส่วนดัชนี mai ลดลง 2.76% มาปิดที่ 669.88 จุด
สำหรับค่าเงินบาทสัปดาห์ถัดไป (2-6 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยมองกรอบการเคลื่อนไหวที่ 33.80-34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ
เงินบาทเผชิญแรงขาย ตามทิศทางสกุลเงินส่วนใหญ่ในเอเชีย นำโดย เงินเยน (อ่อนสุดรอบ 20 ปี) และเงินหยวน (อ่อนสุดรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง) ตามสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงิน สวนทางกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ถูกคาดหมายว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% พร้อมกับปรับลดงบดุลในเดือนพ.ค. และมีโอกาสเร่งขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอีกเพื่อสกัดเงินเฟ้อสหรัฐฯ
ทั้งนี้เงินบาทร่วงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบเกือบ 5 ปีที่ 34.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนจะฟื้นตัวกลับมาบางส่วนจากแรงซื้อตามปัจจัยทางเทคนิคและการปรับโพสิชันก่อนการประชุมเฟดวันที่ 3-4 พ.ค.เงินบาทที่อ่อนค่ายังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามในระยะนี้ ขณะที่ ธปท. ระบุว่าจะติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างใกล้ชิด และพร้อมจะเข้าดูแลหากเงินบาทเคลื่อนไหวผันผวนมากเกินไป
ในวันศุกร์ (29 เม.ย.) เงินบาทปิดตลาดที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 33.94 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (22 เม.ย.) ขณะที่ระหว่างวันที่ 25-29 เม.ย. นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิหุ้นไทย 3,494 ล้านบาท และมีสถานะเป็น NET INFLOW เข้าตลาดพันธบัตร 1,961 ล้านบาท (มาจาก การซื้อสุทธิพันธบัตร 2,156 ล้านบาท แต่มีตราสารหนี้หมดอายุ 195 ล้านบาท)