ธปท.ห่วงบาทอ่อน กดดันเงินเฟ้อพุ่ง จับตาหากค่าเงินผิดปกติ จะเข้าไปดูแล

HoonSmart.com>>ธปท.จับค่าเงินบาทอ่อนตัว คาดจะผันผวนรุนแรงขึ้น กดดันเงินเฟ้อ คาดว่าช่วงไตรมาส 2-3/65 มีโอกาสจะสูงมากกว่า 5%  หากอ่อนตัวลงผิดปกติ จะเข้าไปดูแล เพื่อไม่ให้กระทบต่อต้นทุนการนำเข้าและค่าครองชีพประชาชน ส่วนเศรษฐกิจเดือนมี.ค.ชะลอลงเล็กน้อย ตามการใช้จ่ายของภาคเอกชน  ด้านส่งออก จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ตลาดแรงงานดีขึ้น 

นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.อยู่ระหว่างการติดตามการอ่อนตัวของค่าเงินบาท คาดว่าจะมีความผันผวนรุนแรงขึ้น   ซึ่งนับตั้งแต่ต้นปี ค่าเงินอ่อนค่า 2.5% ถือว่ายังอยู่ในระดับกลาง ๆ ดีต่อการส่งออก แต่การนำเข้ากังวลว่าจะกระทบต่อต้นทุน ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นและกระทบกับค่าครองชีพของประชาชน หากเงินบาทอ่อนลงต่อจะยิ่งเป็นแรงกดดันซ้ำเติมอัตราเงินเฟ้อให้เพิ่มขึ้นในระยะต่อไป

ธปท.อยู่ระหว่างติดตามการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท ถ้ามีความผิดปกติ ไม่สอดคล้องปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ก็จะต้องเข้าไปดูแล ส่วนของอัตราเงินเฟ้อ ก็จับตาอย่างใกล้ชิด คาดว่าช่วงไตรมาส 2-3/65 มีโอกาสที่เงินเฟ้อทั่วไปจะสูงมากกว่า 5% ก่อนจะปรับลดลงในไตรมาส 4 โดยมีสมมติฐานจากการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล และการขึ้นราคาสินค้าประเภทต่าง ๆ ซึ่งในส่วนของเงินเฟ้อพื้นฐานในเดือน มี.ค.เร่งตัวขึ้นตามราคาพลังงานและราคาอาหารสำเร็จรูป

ส่วนภาวะเศรษฐกิจในเดือน มี.ค.2565 ชะลอลงเล็กน้อย ตามการใช้จ่ายของภาคเอกชน ทั้งการบริโภคและการลงทุน จากการระบาดของโควิด-19 ต้นทุนการผลิตและค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะเดียวกันการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนหดตัวเล็กน้อยจากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลาง

มูลค่าการส่งออกสินค้าปรับเพิ่มขึ้นตามอุปสงค์ประเทศคู่ค้า ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังมีการผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานและราคาอาหารสำเร็จรูป ด้านตลาดแรงงานปรับดีขึ้นบ้าง แต่โดยรวมยังเปราะบาง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลตามดุลการค้าที่เกินดุลเพิ่มขึ้น ขณะที่ดุลบริการ รายได้ และเงินโอนขาดดุลใกล้เคียงกับเดือนก่อน