GULF เซ็น MOU กฟผ.รับซื้อไฟฟ้า Pak Beng ลาว กำลังผลิต 912 MW

HoonSmart.com>> “กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์” ควง China Datang Overseas Investment รัฐวิสาหกิจจีน ลงนามบันทึกความเข้าใจรับซื้อไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Beng โครงการที่ 2 กำลังผลิต 912 เมกะวัตต์ เตรียมเข้าซื้อหุ้น 49% ใน Datang (Lao) Pakbeng Hydropower บริษัทร่วมทุน เพื่อพัฒนาโครงการ

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) แจ้งว่า เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2565 บริษัทฯ และ China Datang Overseas Investment Co.,Ltd. (CDTO) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจการรับซื้อไฟฟ้า (Tariff MOU) สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Beng (โครงการฯ) กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้กรอบบันทึกความเข้าใจระหว่างไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เรื่องความร่วมมือในการพัฒนาไฟฟ้าใน สปป.ลาว และเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2561-2580 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 (PDP2018 Rev.1) ซึ่งนับเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำโครงการที่ 2 ที่บริษัทฯ ได้เข้าไปลงนาม Tariff MOU ต่อจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Pak Lay ที่ได้แจ้งให้ทราบไปเมื่อวันที่ 24 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา

บริษัทฯ มีแผนที่จะดำเนินการเข้าซื้อหุ้นในสัดส่วน 49% ใน Datang (Lao) Pakbeng Hydropower Co., Ltd. (บริษัทร่วมทุน) จาก CDTO เพื่อพัฒนาโครงการฯ ดังกล่าว โดยบริษัทฯ และ CDTO จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 49% และ 51% ตามลำดับ

ทั้งนี้ โครงการฯ ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เมืองปากแบง แขวงอุดมไซ สปป.ลาว มีกำลังการผลิตติดตั้ง 912 เมกะวัตต์และมีกำหนดจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิพาณิชย์ (SCOD) ในวันที่ 1 ม.ค.2576 โดย กฟผ.จะเป็นผู้รับซื้อไฟฟ้าจากโครงการฯ ในอัตราค่าไฟฟ้าเฉลี่ย 2.7129 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมงซึ่งบริษัทร่วมทุนจะดำเนินการเจรจารายละเอียดเงื่อนไข และลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้าร่วมกับ กฟผ. ในลำดับถัดไป

ทั้งนี้ เนื่องจากโครงการฯ เป็นโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบน้ำไหลผ่านตลอดปี (Run-of-the-River) ที่ไม่มีการกักเก็บน้ำในรูปแบบของเขื่อนประเภทอ่างเก็บน้ำ (Reservoir) และไม่มีการเบี่ยงน้ำออกจากแม่น้ำโขง แต่ใช้การไหลของน้ำตามธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้า โดยที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเท่ากับปริมาณน้ำไหลออก ดังนั้น โครงการฯจึงไม่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในแม่น้ำโขง

การเข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำดังกล่าว เป็นการตอบสนองนโยบายของภาครัฐที่มุ่งสู่พลังงานสะอาด ภายหลังการประชุม COP26 ที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์โดยตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปีค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญในเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Decarbonization) โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ และทิศทางพลังงานโลกที่มีเป้าหมายในการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อต่อต้านผลกระทบเชิงลบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ