HoonSmart.com>> “มอร์นิ่งสตาร์” เปิดผลงานกองทุนรวมไตรมาส 1/65 สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” ระอุ หนุน “กองทุนน้ำมัน” ยังกอดแชมป์ผลตอบแทนอันดับหนึ่ง 27.46% ฟาก “กองทุนหุ้นจีน” ติดลบหนักสุดเฉลี่ย 15.51% ส่วน “กองทุนหุ้นไทย” ยังแกร่งบวกสวนทางกองทุนหุ้นต่างประเทศร่วงยกแผง เจาะรายกองทุนพบกอง “KWI Emerging Eastern Europe FIF” ผลตอบแทนติดลบหนักสุด 45% เปิดพอร์ตถือหุ้นบริษัทรัสเซีย 60%
น.ส.ชญานี จึงมานนท์ นักวิเคราะห์อาวุโส บริษัท มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ช (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วง 3 เดือนแรกปี 2565 หลายกองทุนมีผลตอบแทนติดลบมากกว่า 20% โดยกองทุน KWI Emerging Eastern Europe FIF (KWI EE EURO) เป็นกองทุนที่มีผลตอบแทนต่ำสุดที่ -45.1% ซึ่งเกิดจากประเด็นรัสเซียและยูเครน กองทุนนี้ลงทุนใน Manulife Global Fund – Emerging Eastern Europe A ที่ถือหุ้นกลุ่มพลังงานและการเงินเป็นหลัก และลงทุนในหุ้นบริษัทรัสเซียราว 60% ตามข้อมูลการลงทุน ณ วันที่ 31 ธ.ค.2564 อย่างไรก็ดีมูลค่าทรัพย์สินกองทุนนี้ได้มีการเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 38 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ผ่านมามีเงินไหลเข้าสุทธิ 24 ล้านบาท
กลุ่มกองทุนที่ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงสุดในไตรมาส 1/2565 ยังคงเป็นกองทุนน้ำมัน อยู่ที่ 27.46% ส่งผลให้ผลตอบแทน 1 ปีรวม 69.84% รองลงมากองทุนทองคำ 6.35% อันดับสาม กองทุน Global Infrastructure อยู่ที่ 2.08% อันดับสี่กองทุนหุ้นไทย Equity Large-Cap 1.83% อันดับห้ากองทุนหุ้นไทย Equity Small/Mid-Cap 0.85% ขณะที่กองทุนที่ผลตอบแทนติดลบมากสุด ได้แก่ กองทุน China Equity เฉลี่ย -15.51% กองทุน Global Technology -15.46% กองทุน Global Equity -11.00% กองทุน Global Health Care -10.62% กองทุน Asia Pacific ex-Japan Equity -9.22%
สำหรับกองทุนหุ้นจีนเป็นกลุ่มที่มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุดในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาที่ -15.5% โดยมีเหตุผลจากทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ หากดูผลตอบแทนตามกลุ่มของกองทุนหลักจะพบว่ากลุ่ม US Fund China Region ซึ่งเป็นกองทุน ETF ที่มีส่วนการลงทุนใน ADR มีผลตอบแทนเฉลี่ยต่ำสุดทั้งในรอบ 3 เดือนและ 1 ปี โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาติดลบถึง -23% การปรับตัวลงแรงของกองทุนเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่มีการเปิดเผย 5 รายชื่อหุ้นจีนที่อาจถูกเพิกถอนจากสหรัฐฯ ทำให้ ADR บริษัทอื่นปรับตัวลงตามไปด้วย สำหรับกลุ่ม EAA Fund China Equity, EAA Fund China Equity – A Shares และ EAA Fund Greater China Equity มีผลตอบแทนเฉลี่ยรอบ 3 เดือนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน โดยทั้ง 3 กลุ่มมีผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนมีนาคมที่ -6% ถึง -8%
อย่างไรก็ตามแม้ว่าความนิยมกองทุนหุ้นจีน จะทำให้มีเงินไหลเข้ากองทุนหุ้นจีนสูงเป็นอันดับที่ 2 ของปี 2564 หากวิเคราะห์เพื่อดูว่าโดยเฉลี่ยแล้วผู้ลงทุนไทยได้ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นจีนตามการลงทุนจริงมากน้อยเพียงใด โดยใช้ค่า Investor Return ซึ่งต่างจาก Total Return คือ Investor Return จะนำส่วนของเม็ดเงินไหลเข้า-ออกกองทุนมาเป็นส่วนหนึ่งในการคำนวณผลตอบแทน หรือเรียกได้ว่าเป็น dollar-weighted return ซึ่งพบว่าโดยเฉลี่ยแล้วการลงทุนกองทุนหุ้นจีนนั้นได้ผลตอบแทน Investor Return ที่ต่ำกว่า Total Return หมายความว่านักลงทุนไทยมีการลงทุนหุ้นจีนในช่วงที่กองทุนให้ผลตอบแทนสูงทำให้เมื่อผลตอบแทนอยู่ในช่วงติดลบ นักลงทุนไทยจึงมีส่วนต่างที่เป็นผลลบที่มากกว่า
อ่านข่าว