กองทุน TFFIF เนื้อหอม นักลงทุนสถาบันสนใจเกินคาด

Thailand Future Fund เนื้อหอม ผู้จัดการกองทุนเผยนักลงทุนสถาบันตอบรับดีเกินคาด มั่นใจผลตอบแทนโตตามปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% และชนะเงินเฟ้อ แถมมีโอกาสลงทุนกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของภาครัฐในอนาคต

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) ในฐานะบริษัทจัดการ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับนักลงทุนสถาบันพบว่า ให้ความสนใจลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ Thailand Future Fund (TFFIF) ดีเกินคาด

“กองทุน TFFIF กับ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราฟันด์) ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ตอนนี้ มีลักษณะที่ไม่เหมือนกันเลย ดังนั้นจึงไม่สามารถนำผลตอบแทนมาเปรียบเทียบกันได้ แต่ความน่าสนใจของกองทุน TFFIF อยู่ที่รายได้มีเสถียรภาพ และมีโอกาสเติบโตตามปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 5% รวมทั้งโอกาสที่จะปรับเพิ่มค่าผ่านทางในทุกๆ 5 ปี” นางชวินดา กล่าว

ชวินดา หาญรัตนกูล

ทั้งนี้ กองทุน TFFIF จะมีส่วนแบ่งรายได้ 45% ของรายได้ค่าผ่านทางรวมหลังจากหักภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่จัดเก็บได้จากทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นระยะเวลา 30 ปี โดยกองทุนไม่มีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลทรัพย์สิน เนื่องจาก กทพ.ยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินเช่นเดิม

เมื่อปี 2560 รายได้จากทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี อยู่ที่ 4,999 ล้านบาท และ 9 เดือนแรกของปี 2561 มีรายได้ประมาณ 3,800 ล้านบาท

นายเอกภพ เมฆกัลจาย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย (KTB) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า กลุ่มนักลงทุนสถาบันที่ต้องการรายได้สม่ำเสมอให้ความสนใจกองทุน TFFIF ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะหน่วยงานรัฐ และบริษัทประกัน ที่คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดค่าความเสี่ยงที่ใช้ในการคำนวณเงินกองทุนสำหรับการลงทุนในกองทุน TFFIF ไว้ที่ 8%

ขณะที่ คปภ.กำหนดค่าความเสี่ยงที่ใช้ในการคำนวณเงินกองทุนในการลงทุนหุ้นอยู่ที่ 16% และมีแผนจะเพิ่มเป็น 25% ในไตรมาส ปี 2562 สำหรับพันธบัตรรัฐบาลค่าความเสี่ยงอยู่ที่ 0%

“กองทุนมีโอกาสที่จะได้รายได้เติบโตตามเงินเฟ้อ ดังนั้นการลงทุนในกองทุน TFFIF จึงเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ” นายเอกภพ กล่าว

นายเอกภพ กล่าวย้ำว่า แม้ว่าในขณะนี้จะยังไม่มีการกำหนดสัดส่วนนักลงทุน (นอกเหนือจากส่วนที่รัฐบาลจะถือ 10% อย่างน้อย 5 ปี) แต่จะให้ความสำคัญกับนักลงทุนรายย่อยมากกว่านักลงทุนสถาบัน

ทั้งนี้ จะมีการจัดโรดโชว์พบนักลงทุนในกรุงเทพฯ ในวันที่ 28 กันยายนนี้ ตั้งแต่เวลา 13.30 – 16.00 น. ณ หอประชุมศาสตราจารย์สังเวียน อินทรวิชัย ชั้น 7 อาคาร B ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

น.ส.ประภา ปูรณโชติ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC) ในฐานะบริษัทจัดการ กล่าวว่า การลงทุนในกองทุน TFFIF ถือว่ามีความน่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอจากการได้รับเงินปันผลจากกองทุน และน่าจะให้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบัน แต่มีความผันผวนต่ำกว่าการลงทุนในหุ้น

นอกจากนี้นักลงทุนบุคคลธรรมดาจะได้รับยกเว้นการจัดเก็บภาษีจากเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนเป็นเวลา 8 ปี เนื่องจากกองทุนจัดตั้งมาแล้ว 2 ปี

“กองทุน TFFIF มีโอกาสการเติบโตที่ดีในอนาคต เนื่องจากสามารถเข้าลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินที่เป็นกิจการโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ของภาครัฐในอนาคต เช่น ทางหลวง สนามบิน ท่าเรือ ระบบราง ฯลฯ ซึ่งจะทำให้กองทุนฯ มีสินทรัพย์ด้านโครงสร้างพื้นฐานที่หลากหลาย และส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายและโอกาสได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าจากการลงทุน” น.ส.ประภา กล่าว

อ่านประกอบ

กองทุน TFFIF เคาะขายเดือนต.ค.ลุยโรดโชว์ 16-20 ก.ย.นี้

ที่ปรึกษามั่นใจ TFFIF รับผลตอบแทนสม่ำเสมอระยะยาว

รัฐบาลเดินเครื่องกองโครงสร้างพื้นฐานยื่นไฟลิ่งระดมทุนให้ กทพ.