MFC เสิร์ฟกองทุน ‘MGMVOL’ ลงทุนหุ้นผันผวนต่ำทั่่วโลกลดเสี่ยงตลาดขาลง

HoonSmart.com>> บลจ.เอ็มเอฟซี เปิดตัวกองทุน “เอ็มเอฟซี โกลบอล มินิมั่ม โวลาติลิตี้” (MGMVOL) ลงทุนหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ ลดความเสี่ยงพอร์ตลงทุนช่วงตลาดขาลงจากหลายปัจจัยทั้งโควิด เงินเฟ้อสูง ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน, สหรัฐฯ-จีน-ไต้หวัน สร้างความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจและการลงทุน ช่วยเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนระยะยาว เปิดขาย IPO 25 มี.ค. – 1 เม.ย.นี้

ธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์

นายธนโชติ รุ่งสิทธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการกองทุนคุณภาพทั้งในและต่างประเทศจากการลงทุนทั่วทุกมุมโลก เปิดเผยว่า MFC มองหาการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำกว่าดัชนีหุ้นโลกและมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ภายใต้สภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วตามปัจจัย จึงเห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนต่ำ (Minimum Volatility) เป็นที่มาของการจัดตั้งกองทุนกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล มินิมั่ม โวลาติลิตี้ (MGMVOL) ผ่านการลงทุนใน iShares MSCI Global Min Vol Factor ETF ซึ่งมีความน่าสนใจเพราะ ขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีแนวโน้มผันผวนสูงขึ้น ซึ่งอาจไม่สามารถสร้างผลตอบแทนตามที่นักลงทุนคาดหวังได้ การลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนต่ำสามารถลดความผันผวนและเพิ่มประสิทธิภาพของพอร์ตโดยรวม

นอกจากนี้หุ้นกลุ่ม Minimum Volatility มีโอกาสให้ผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานทางการเงินที่ดี มีแนวโน้มในการเติบโตของรายได้และกำไรในอนาคต กองทุน MGMVOL จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาว แต่ยังมีความกังวลเรื่องความผันผวนระยะสั้น

สำหรับมุมมองต่อตลาดหุ้นต่างประเทศที่สนับสนุนให้ MGMVOL ได้แก่ 1) คาดว่าตลาดหุ้นยังมีความผันผวนสูง โดยมีปัจจัยหลักจากอัตราเงินเฟ้อที่ทรงตัวในระดับสูงไปอีก 6-12 เดือน ขณะที่ปัจจัยชั่วคราวเช่นปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน จะคลี่คลายลงในที่สุด 2) คาดว่า ความเสี่ยงเศรษฐกิจชะลอตัวลงจากปัจจัยขั้นต้นกดดันให้มีการปรับลดประมาณการของอัตรากำไรต่อหุ้น ของดัชนีตลาดหุ้นโลก 3) คาดว่า อัตราเติบโตของกำไรต่อหุ้นเป็นปัจจัยขับเคลื่อนผลตอบแทนของการลงทุนในหุ้น ในปีนี้ 4) คาดว่า ในระยะสั้นอัตราผลตอบแทนของหุ้นในสามกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อ หรือ การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ กลุ่มพลังงาน Energy กลุ่มธนาคารพาณิชย์

กลุ่มสุขภาพ และสาธารณสุข (ลงทุนเชิงป้องกัน ในช่วงเศรษฐกิจเติบโตสูงสุด) 5) คาดว่า ในระยะกลางอัตราผลตอบแทนของหุ้นในกลุ่มธุรกิจเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีจะสูงกว่ากลุ่มธุรกิจอื่น

กองทุน MGMVOL มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว (Feeder Fund) คือ iShares MSCI Global Min Vol Factor ETF (กองทุนหลัก) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม กองทุนหลัก เป็นกองทุน ETF ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2011 มุ่งให้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี MSCI All Country World Minimum Volatility Index ซึ่งประกอบด้วยหุ้นทั้งในตลาดพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ เช่น VERIZON COMMUNICATIONS INC ผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารชั้นนำของโลก, ROCHE HOLDING PAR AG บริษัทยาและเวชภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก, NESTLE SA ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารชั้นนำของโลก, WASTE MANAGEMENT INC ให้บริการด้านจัดการขยะและรีไซเคิลที่ใหญ่ที่สุดใน US หรือหุ้น NEWMONT บริษัทเหมืองแร่ทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นต้น ซึ่งหุ้นเหล่านี้มีลักษณะความผันผวนต่ำ หรือราคามีความสัมพันธ์กันน้อย เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโดยรวม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ กองทุนเปิดเอ็มเอฟซี โกลบอล มินิมั่ม โวลาติลิตี้ หรือ MGMVOL เป็นกองทุนรวมตราสารทุนต่างประเทศ ประเภท Feeder Fund ไม่กำหนดอายุโครงการ เงินทุนโครงการ 2,000 ล้านบาท มีนโยบายไม่จ่ายเงินปันผล ความเสี่ยงกองทุนอยู่ที่ระดับ 6 จะเปิดให้จองซื้อ IPO ระหว่างวันที่ 25 มี.ค. – 1 เม.ย. 65 นี้ มีขั้นต่ำของการซื้อครั้งแรกเพียง 1,000 บาท

สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนสามารถติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการลงทุน ความเสี่ยง หรือหนังสือชี้ชวนได้ที่ บลจ. เอ็มเอฟซี โทรศัพท์ 0-2649-2000 ติดต่อฝ่ายวางแผนการลงทุน กด 2 หรือ Contact Center กด 0 สาขาแจ้งวัฒนะ โทร.0-2835-3055-57 สาขาปิ่นเกล้า โทร. 0-2014-3150-2 สาขาขอนแก่น โทร.043-204-014-16 สาขาเชียงใหม่ โทร. 0-5321-8480-82 สาขาระยอง โทร. 033-100-340 สาขาหาดใหญ่ โทร. 074-232-324 – 25 หรือที่ www.mfcfund.com