SCB-KBANK นำดิ่งกลุ่มแบงก์ ขายทำกำไรหลังเล่นมาพอควร-หวั่นศก.ชะลอ

HoonSmart.com>>หุ้นในกลุ่มแบงก์ต่างปรับตัวลง นำโดย SCB-KBANK เผชิญแรงขายทำกำไรหลังเล่นมาพอควร ประกอบกับสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนส่งราคาพลังงานยืนในระดับสูง กดดันต้นทุนบริษัทจดทะเบียน เปิด Downside กดดันกลุ่มแบงก์ที่ลิ้งกับเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัว หวั่นไทยอาจถูกปรับลด GDP แต่ปัจจัยพื้นฐานกลุ่มแบงก์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ช่วยถอยลงเป็นโอกาสเข้าลงทุน

เมื่อเวลา 12.12 น.ดัชนีกลุ่มแบงก์ลบ 1.88% มาอยู่ที่ 420.52 จุด ลดลง 8.04 จุด หุ้นในกลุ่มแบงก์ต่างปรับตัวลง นำโดยหุ้น SCB ลบ 2.95% มาอยู่ที่ 115 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 836.70 ล้านบาท
หุ้น KBANK ลบ 2.17% มาอยู่ที่ 158 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 2,776.97 ล้านบาท
หุ้น BAY ลบ 2.10% มาอยู่ที่ 35 บาท ลดลง 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.36 ล้านบาท
หุ้น BBL ลบ 1.81% มาอยู่ที่ 135.50 บาท ลดลง 2.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 1,249.07 ล้านบาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มแบงก์เช้านี้ต่างปรับตัวลงมากดดันตลาดโดยรวม คาดว่าจะเผชิญแรงขายทำกำไรหลังจากที่ได้เล่นมาพอควร และด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 รวมถึงสถานการณ์ภาวะสงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ทำให้ทิศทางราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นต้นทุนของบริษัทจดทะเบียน ทำให้เปิด Downside กดดันกลุ่มแบงก์ที่ลิ้งค์กับเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ ภาพเศรษฐกิจโลกที่อยู่ในทิศทางที่อาจชะลอตัว ทำให้ GDP Growth มี Downside รวมถึงไทยก็มีโอกาสที่จะโดนปรับลดประมาณการ GDP ไปด้วย ซึ่งในเชิงปัจจัยพื้นฐานของกลุ่มแบงก์ยังไม่เป็นลบ ทั้งยังได้ประโยชน์จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย โดยหุ้นในกลุ่มแบงก์จะช่วยหนุนตลาดเป็นรอบ ๆ ไป ตอนนี้ยังไม่มีปัจจัยเฉพาะตัวสำหรับ Sector

ดังนั้นการย่อตัวของหุ้นในกลุ่มแบงก์จึงมองว่ายังน่าลงทุน โดยแนะนำหุ้น KBANK ให้ราคาเป้าหมาย 185 บาท และหุ้น KKP ให้ราคาเป้าหมาย 80 บาท