BBGI โชว์กำไรปี 64 โตแตะ 960 ลบ. เข้าเทรด SET 17 มี.ค.นี้

HoonSmart.com>> BBGI หนึ่งในผู้นำและผู้ผลิตรายใหญ่ในอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพ โชว์กำไรปี 64 จำนวน 960 ล้านบาท โต 13% กวาดรายได้จากการขาย 1.4 หมื่นล้านบาท ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับหุ้นเข้าซื้อขาย 17 มี.ค.65 ราคา IPO หุ้นละ 10.50 บาท

บริษัท บีบีจีไอ (BBGI) เปิดเผยผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุด 31 ธ.ค.2564 มีกำไรสุทธิ 960.18 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.95 บาท เพิ่มขึ้น 13.61% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 845.17 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.83 บาท

ปี 2564 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 14,094.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,524.30 ล้านบาท หรือ 12.13% จากปี 2563 เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของรายได้จากธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) โดยกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลจำนวน 4,610.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.84 ล้านบาท หรือ 4.13% เมื่อเทียบกับปี 2563 จากการที่ราคาเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์เอทานอลที่ปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตอ้อยมีปริมาณลดลงจากปัญหาภัยแล้งในปี 2563

อีกทั้งราคามันสำปะหลังในประเทศสูงขึ้น จากปริมาณการส่งออกมันสำปะหลังที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน ถึงแม้ว่าปริมาณการผลิตเอทานอลจะลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19

กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซลจำนวน 9,481.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,339.04 ล้านบาท หรือ 16.44% เมื่อเทียบกับปี 2563 จากการที่ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ไบโอดีเซลปรับสูงขึ้น ไปในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดที่ปรับสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตปาล์มน้ำมันของอินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกลดลง จากผลกระทบของไวรัส COVID-19 ทำให้ขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวผลิตภัณฑ์ และต้นทุนในการปลูกปาล์มของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้นตามราคาปุ๋ยที่เพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าปริมาณการผลิตไบโอดีเซลจะลดลง จากมาตรการล็อคดาวน์ของรัฐบาล และการปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซล ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซลปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

ด้านนายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับบริษัท บีบีจีไอ เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “BBGI” ในวันที่ 17 มี.ค.2565

BBGI ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจหลักคือธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ได้แก่ เอทานอล และไบโอดีเซล กำลังการผลิต 1.6 ล้านลิตรต่อวัน แบ่งเป็นเอทานอล 0.6 ล้านลิตรต่อวัน และไบโอดีเซล 1 ล้านลิตรต่อวัน BBGI ซึ่งเกิดจากการตกลงเป็นพันธมิตรทางธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ระหว่าง บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) กับบริษัท น้ำตาลขอนแก่น (KSL) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวภาพ ทำให้มีความแข็งแกร่งทั้งด้านการจัดหาวัตถุดิบและจัดจำหน่ายผลผลิต

บริษัทมีแผนต่อยอดการเติบโตในอนาคตไปสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Bio-Based Products) ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชีววิทยาสังเคราะห์ (Synthetic Biology) ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับโมเดล Bio-Circular-Green Economy (BCG) ของภาครัฐในการนำพาประเทศไทยไปสู่เป้าหมายของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงและการพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบัน บริษัทจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้ แบรนด์ B-Nature Plus และลงทุนกับพันธมิตร Manus Bio Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงจากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อจัดจำหน่ายสารให้ความหวาน

BBGI มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 3,615 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,012.80 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) 433.20 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP และ KSL ในวันที่ 3-8 มีนาคม และบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์และผู้ลงทุนสถาบัน วันที่ 9-11 มี.ค.2565 ในราคาหุ้นละ 10.50 บาท มูลค่าระดมทุน 4,548.60 ล้านบาท (ไม่รวมการจัดสรรหุ้นส่วนเกิน) และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 15,183 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จํากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายกิตติพงศ์ ลิ่มสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ เปิดเผยว่า BBGI เล็งเห็นโอกาสการเติบโตจากธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ดูแลและส่งเสริมสุขภาพ โดยใช้จุดเด่นด้านความชำนาญในเทคโนโลยีชีวภาพของบริษัทต่อยอดการเติบโต การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ที่จะเข้าลงทุนแบบบูรณาการ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เช่น การเข้าลงทุนในสตาร์ทอัพที่มีความรู้และความสามารถในเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงทั้งในและต่างประเทศ BBGI ตั้งเป้าว่าในปี 2569 จะมีสัดส่วน EBITDA จากกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพอยู่ที่ 50% ของ EBITDA รวม

BBGI มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO ได้แก่ BCP ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 40.20% และ KSL ถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 26.80% ขึ้นกับการใช้สิทธิซื้อหุ้นส่วนเกินและการซื้อหุ้นเพื่อส่งมอบคืน

นอกจากนี้มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังจากการหักทุนสำรองต่างๆ ตามข้อบังคับของบริษัทและตามกฎหมาย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงาน ฐานะทางการเงิน แผนการลงทุนและการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ภาวะเศรษฐกิจ ความจำเป็นและข้อพิจารณาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง