HoonSmart.com>> “เอสไอเอสบี” โชว์ผลงานปี 64 ฟื้นตัว หลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลอัตรา 0.10 บาท ขึ้น XD 10 มี.ค.65 ฟาก CEO มั่นใจปี 65 เข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงเรียนเพิ่มเติมตามแผน 5 ปี วางเป้ายอดนักเรียนแตะ 4 พันคน หนุนรายได้เติบโตต่อเนื่อง เผยปัจจุบันกลับมาเปิดสอน on site เต็มรูปแบบ
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี (SISB) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2564 บริษัทฯมีรายได้รวม 1,071.24 ล้านบาทฯ เริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น อีกทั้ง กลุ่มบริษัทฯ ยังมีการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ยังคงสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานไว้ได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา แม้ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบจากการให้ส่วนลดค่าธรรมเนียมการศึกษา และนักเรียนในระดับอนุบาลที่ขอหยุดพักการเรียนในช่วงคำสั่งให้ปิดโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนจำเป็นต้องจัดการเรียนการสอนทั้งหมดผ่านระบบออนไลน์
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 24 กุ.พ.2565 ที่ผ่านมา อนุมัติเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นจ่ายปันผลงวดปี 2564 ในอัตรา 0.10 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 10 มี.ค.2565 กำหนดจ่ายวันที่ 22 เม.ย.2565
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ตั้งเป้ารายได้จะเติบโตราว 15-20% ถือเป็นการกลับเข้าสู่โหมดเติบโตรอบใหม่ของกลุ่มบริษัทฯ ปัจจุบันโรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบปกติ (On-site) โดยเฉพาะนักเรียนในระดับอนุบาลที่กลับมาเรียนเกือบครบแล้ว และมีนักเรียนเข้าเรียนในรูปแบบปกติ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเรียนในรูปแบบออนไลน์ นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯได้ติดต่อประสานงานฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทฯได้วางแผนการลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 2565-2569) เพื่อรองรับแผนการเติบโตที่ยั่งยืนในระยะยาว ผ่านการขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Project H ซึ่งจะเป็นรูปแบบของโรงเรียนนานาชาติในย่านชานเมือง และในหัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการศึกษาในราคาที่เข้าถึงได้ วางเป้าหมายจำนวนนักเรียนภายในกลุ่ม 4,150 คน
ปี 2566 เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ 5 โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี ตามแผน และเตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติภายใต้ Project H เป็นลำดับถัดไป โดยล่าสุดช่วงปลายปี 2564 กลุ่มบริษัทได้ลงนามในสัญญาซื้อที่ดินกับ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ขนาดพื้นที่ประมาณ 24.5 ไร่ใน จ.ระยอง เพื่อพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ 6 อยู่ภายใต้การพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติใน Project H โดยจะมีหลักสูตรการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทฯ ยังมีแผนและกลยุทธ์เพิ่มจำนวนนักเรียนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ ปัจจุบันมีผู้ปกครองชาวต่างชาติติดต่อสอบถามแนวทางในการส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนในเครือ จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด นอกจากนี้ บริษัทยังคงนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์