ช็อค! KEX ขาดทุนยับ 604 ลบ.Q4/64 ฉุด VGI ขาดทุนตาม 75 ล้านบ.

HoonSmart.com>>”เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” สาหัส ปี 64 กำไรเพียง 46.92 ล้านบาท เจอไตรมาส 4 ขาดทุน 604 ล้านบาท มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด “อเล็กซ์ อึ้ง”ชี้แจงเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ครองตำแหน่งผู้นำตลาดขนส่งพัสดุด่วนหนุนแข็งแกร่งระยะยาว เผยยอดจัดส่งโตกว่า 30% บล.เคทีบีเอสที- ฟินันเซียฯแนะขายหุ้น กดราคาเป้าหมายเหลือ 20-22 บาท KEX ขาดทุนส่งผลกระทบต่อวีจีไอ ปลอบใจจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.02 บาท XD วันที่ 25 ก.พ.

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX แจ้งผลการดำเนินงานปี 2564 มีกำไรสุทธิเพียง 46.92 ล้านบาททรุดลง 1,358.11ล้านบาท คิดเป็น 96.66% เทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิถึง 1,405.03 ล้านบาท  เนื่องจากในไตรมาสที่ 4/2564 บริษัทขาดทุนสุทธิ 604.34 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 374.96 ล้านบาท และไตรมาสที่ 3/2564 มีกำไรสุทธิ 12.84 ล้านบาท

“ในปี 2564 บริษัทมีกำไรขั้นต้นลดลง 56.3% เหลือจำนวน 1,339.3 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเหลือเพียง 7.1% เทียบกับ 16.2% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 0.2% เทียบกับ 7.4% ในปี 2563″บริษัทระบุ

นายอเล็กซ์ อึ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปี 2564 มีกำไรสุทธิส่วนของผู้เป็นเจ้าของจำนวน 47 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามกลยุทธ์ที่วางไว้ กลยุทธ์ด้านราคาเชิงรุกเพื่อครองความเป็นผู้นำตลาดขนส่งพัสดุด่วน ทำให้ยอดจัดส่งพัสดุเติบโตเป็นที่น่าประทับใจ เติบโตกว่า 30% จากปีก่อนหน้า ดึงส่วนแบ่งตลาด และมีผู้ใช้บริการรายเดือนเพิ่มขึ้น 32% ส่งผลให้รายได้รวม 18,818 ล้านบาท

นอกจากนี้การให้บริการในราคาที่เข้าถึงได้ ทำให้ KEX ขยายฐานลูกค้าเข้าสู่ทุกกลุ่มตลาดทั้งตลาด e-commerce, social และ live-stream commerce โดยลงทุนในกำไรในระยะสั้นเพื่อการเป็นผู้นำในระยะยาว แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาจะมีผลกระทบจากปัจจัยภายนอกมากมายก็ตาม ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น ตลาดแรงงานที่ขาดแคลน และตลาด e-Commerce และ social commerce ในช่วงไตรมาสที่ 4 อ่อนแอลง

“กลยุทธ์ที่วางไว้ KEX ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเพิ่มยอดจัดส่งพัสดุและขยายฐานลูกค้า เพื่อครองความเป็นผู้นำตลาดและยึดมั่นในคุณภาพการให้บริการอันยอดเยี่ยม”

บริษัทฯ เตรียมความพร้อมด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยเพื่อรองรับสถานการณ์การติดเชื้อโควิดทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดการหยุดชะงักของกระบวนการจัดส่งดังเช่นที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการหลายรายในตลาด  ทำให้มีค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มจากการจัดให้มีทรัพยากรสำรองและเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับการจัดส่งพัสดุตามยอดจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้น  มั่นใจว่าการมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในระยะสั้นจะทำให้บริษัทเป็นผู้นำและสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว โดยค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะปรับตัวลดลงเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายขึ้น

ตลอดปีที่ผ่านมา KEX มุ่งเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการบริหารจัดการผ่านการอัพเกรดแพลตฟอร์ม  ในปี 2565ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานภายในและการยกระดับแพลตฟอร์มการจัดส่งพัสดุให้เป็นไปอย่างเข้มข้นตลอดทั้งปี ร่วมกับกลยุทธ์การมุ่งหาพันธมิตรที่มีจุดแข็งในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างการเติบโตได้แก่ ความร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจชุมชนผ่านโมเดลตัวแทน หรือ reseller model เปิดตัว Orange Express เพื่อขยายเครือข่ายและจุดให้บริการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ KEX ได้ประกาศความร่วมมือกับ Grab Thailand เปิดบริการ “รับพัสดุถึงหน้าบ้านแบบทันที” และ “รับพัสดุถึงหน้าบ้านแบบรายชั่วโมง” ถือเป็นความร่วมมือแบบ win-win ที่ใช้จุดแข็งและทรัพยากรที่มีอยู่ของทั้ง 2 บริษัทสร้างประสบการณ์ใหม่ ความสะดวกสบาย และความรวดเร็วให้แก่ลูกค้าในราคาที่จับต้องได้ โดยปราศจากต้นทุนส่วนเพิ่ม  ปัจจุบันบริษัทมีจุดให้บริการกว่า 29,000 แห่งทั่วประเทศและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ด้วยกลยุทธ์การกระจายการลงทุนสู่ธุรกิจอื่น ๆ KEX ยังตอกย้ำจุดยืนการขยายธุรกิจและควบรวมกิจการทั้งในแนวตั้งและแนวนอน เพื่อสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน สร้างกำไรและการเติบโตทั้งจากธุรกิจหลักและธุรกิจอื่น ๆ ในปีที่ผ่านมา KEX ร่วมทุนกับเครือเบทาโกร ภายใต้แบรนด์ KERRY COOL ดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิอันล้ำสมัย จะขยายสู่ตลาดลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศในปีนี้เป็นต้นไป และล่าสุดได้ประกาศจับมือกับ Central Retail จัดตั้งบริษัทลงทุนในธุรกิจ less-than-truckload (LTL) delivery หรือการขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มาตรฐานระดับโลกเจ้าแรกในไทย ภายใต้แบรนด์ KERRY XL พร้อมให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ  เชื่อมั่นว่าจะสามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งสำหรับทั้ง 2 ธุรกิจ คาดว่าธุรกิจใหม่นี้จะสร้างรายได้ให้ KEX ในระดับ 20% ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป

“จากความมุ่งมั่นอันแรงกล้าต่อกลยุทธ์ความเป็นผู้นำตลาด การคัดสรรพันธมิตรทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยม และแรงสนับสนุนของผู้ถือหุ้นที่แข็งแกร่ง เชื่อมั่นว่า เราจะครองความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาดจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศ และสร้างกำไรในระยะยาวเพื่อผู้มีส่วนได้เสียทุกส่วนอย่างยั่งยืน” นายอเล็กซ์กล่าวปิดท้าย

ทั้งนี้ KEX ขาดทุนไตรมาส 4/2564 มากกว่าที่บล. ฟินันเซีย ไซรัสคาดการณ์ว่าจะขาดทุน 192 ล้านบาท ทั้งปี 2564 มีกำไรสุทธิเพียง 459 ล้านบาท และคาดว่าปี2565-2566 จะมีกำไรสุทธิ 766 ล้านบาท และ 1,092 ล้านบาทตามลำดับ ให้ราคาเป้าหมายใหม่เพียง 22 บาท รอสัญญาณการฟื้นตัวของตลาด แนะนำ”ขาย” เช่นเดียวกับบล.เคทีบีเอสที ให้เป้าหมายแค่ 20 บาท ด้านราคาหุ้น วันที่ 14 ก.พ. ปิดที่ 23.70 บาท รอบนี้ร่วงลงไปต่ำสุด 23.40 บาท ราคาสูงสุดถึง 59.50 บาท

การขาดทุนของ KEX จำนวน 604.34 ล้านบาทในไตรมาสที่ 4/2564 (ต.ค.-ธ.ค.) ส่งผลต่อเนื่องถึงบริษัท วีจีไอ (VGI) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สอง จำนวน 314 ล้านหุ้น คิดเป็น 18.06% ของทุนเรียกชำระแล้ว  ในช่วงเดียวกัน ซึ่งตรงกับไตรมาสที่ 3/2564 ของ VGI ประสบปัญหาขาดทุนด้วย 75.63 ล้านบาท และรวม 9 เดือนขาดทุนสุทธิ 74.95 ล้านบาท พลิกจากที่มีกำไรสุทธิ 620.84 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทย่อยและบริษัทร่วม

ส่วนผลการดำเนินงานหลัก ของ VGI  มีรายได้จากการให้บริการและการขายอยู่ที่ 1,429 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการควบรวมผลการดําเนินงานแบบเต็มไตรมาสของบริษัท แฟนสลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น ส่วนธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านมีรายได้ อยู่ที่ 436 ล้านบาท ลดลง 4.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่มองเห็นการเติบโตของรายได้ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ที่เติบโคกว่า 48.4% เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19ดีขึ้นทำให้มีการผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ส่วนธุรกิจบริการดิจิทัลมีรายได้เพิ่มขึ้น 40.5% YoY มาอยู่ที่ 312 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าคอมมิชชั่นและ Lead generation

บริษัทวีจีไอ แจ้งว่า คณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติใหจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล (1 เม.ย.-30 ก.ย.2564) อัตราหุ้นละ 0.02 บาทให้ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนวันที่ 28 ก.พ. และขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 25 ก.พ. กำหนดจ่ายเงินวันที่ 14 มี.ค.2565