ต่างชาติโถมซื้อหุ้น-บอนด์ 2.3 หมื่นลบ. ‘แบงก์-พลังงาน-ท่องเที่ยว’ เด่น

HoonSmart.com>>ไทยเนื้อหอม ฟันด์โฟลว์ไหลเข้าหุ้นวันเดียวมากถึง 6,675.39 ล้านบาท  ตราสารหนี้สูงกว่า 16,331 ล้านบาท รวมเดือนก.พ.(1-8 ) เก็บหุ้นแล้ว 11,963 ล้านบาท ติดต่อเป็นเดือนที่สาม พุ่งเป้า Value Stock -เศรษฐกิจเก่า เน้น แบงก์-พลังงาน-เปิดเมือง รับนักท่องเที่ยวเข้ามาเร็วบล.เมย์แบงก์ยกธนาคารเด่น ชูTISCO กำไรแรง ราคาหุ้นน่าสนใจ ตลาดฯ เผยจุดแข็งตลาดไทยให้ปันผล 2.66% สูงกว่าค่าเฉลี่ยเอเชีย 2.37%

วันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น ยกเว้นฮ่องกงร่วง 1% ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ระดับ 1,684.23 จุด เพิ่มขึ้น 6.99 จุด หรือ +0.42% มูลค่าซื้อขาย 84,621.58 ล้านบาท และดัชนีตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ปิดที่  648.37 จุด ลดลง -0.77 จุดหรือ -0.12%

นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 6,675 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 889 ล้านบาท ด้านนักลงทุนไทยขาย 3,365 ล้านบาท สถาบันไทยขายมากถึง 4,199.12 ล้านบาท
ด้านตลาดตราสารหนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 16,331 ล้านบาท กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนซื้อสุทธิ 41,966 ล้านบาท อัตราผลตอบแทนพันธบัตร อายุ 5 ปี ปิดที่ 1.46% เพิ่มขึ้นจากเมื่อวาน +0.02%

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า หุ้นไทยแกว่งตัวคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก ระหว่างรอดูตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่ขึ้นมาตอบรับทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น และเศรษฐกิจดีขึ้น รวมถึงหุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (Reopening) โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสายการบิน, กลุ่มโรงแรม ตอบรับนักท่องเที่ยวที่จะมีมากขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ดี ตลาดฯ ยังไม่กล้าเคลื่อนไหวไปไกล เพราะต้องการรอดูเงินเฟ้อของสหรัฐฯก่อน และยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนด้วย ส่วนสถานการณ์ระหว่างยูเครน-รัสเซีย ไม่น่าจะกระทบตลาดหุ้นมาก ทำให้ราคาน้ำมันขึ้น และตลาดหุ้นก็ให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มน้ำมันอยู่มาก

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในวันที่ 9 ก.พ.2565 ตลาดคงจะแกว่งตัว โดยมีแนวรับ 1,660-1,670 จุด ส่วนแนวต้าน 1,690-1,700 จุด

บล.เมย์แบงก์รายงานว่าดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นเอเชียที่ส่วนใหญ่แกว่งในแดนบวก กลุ่มพลังงาน-แบงก์ นำตลาด เป็นที่สนใจหุ้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวตามเศรษฐกิจและกำไรเด่น มีสัญญาการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนกลับสู่หุ้น Value และเศรษฐกิจเก่าในตลาดการเงินโลก ก่อนเข้าสู่ช่วงสำคัญ การรายงานเงินเฟ้อ และการรายงานการประชุมของเฟดในช่วง 1 สัปดาห์ข้างหน้า ทั้งนี้ Consensus คาดอัตราเงินเฟ้อสหรัฐเดือนม.ค.เร่งตัวเป็น +7.3% จาก +7.0% ในเดือนธ.ค.

“กลุ่มธนาคารโดดเด่นและได้อานิสงส์บวก TISCO แนวโน้มกำไรได้แรงหนุนจากพอร์ตสินเชื่อรายย่อย เช่าซื้อที่กลับมาฟื้นตัวในปี 2565 ราคาหุ้นอยู่ในจุดที่น่าสนใจ

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คงประมาณการเติบโตเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และลดความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19  อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่จากปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานทำให้เกิดเงินเฟ้อในหลายประเทศทั่วโลก ธนาคารกลางหลักในหลายประเทศ อาจดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัว ทำให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงที่มีความสัมพันธ์เชิงลบกับผลตอบแทนพันธบัตรโดยเฉพาะหุ้นเติบโต (Growth Stock) ปรับตัวลดลงในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา

ส่วนไทยเศรษฐกิจยังได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อค่อนข้างจำกัด และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องจากภาคการส่งออกที่ขยายตัว รวมถึงภาคบริการและการท่องเที่ยวที่คาดว่าจะได้อานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมืองในอนาคต ทำให้เห็นผู้ลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยในเดือนม.ค.สุทธิ 14,234 ล้านบาท นับเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน แม้ว่าดัชนีหุ้นลดลง 0.5% เทียบกับสิ้นปี ถือว่าน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ โดยได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง ได้แก่ กลุ่มการเงิน กลุ่มทรัพยากร และกลุ่มบริการ

ทั้งนี้ Historical P/E ratio อยู่ที่ 14.85 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของภูมิภาค และต่ำกว่าในช่วงก่อนโควิด-19 และต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี แสดงถึงระดับราคา ณ สิ้นเดือนม.ค.2565 มีความน่าสนใจหากเทียบกับผลกำไรของบริษัทในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ Forward P/E  อยู่ที่ระดับ 17.5 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.4 เท่า อัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.66% สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 2.37%