KKP ตั้งเป้าปี 65 สินเชื่อโต 12% NIM 5.1% สำรองลด คุม NPL 3.3%

HoonSmart.com>>ธนาคารเกียรตินาคินภัทร มองธุรกิจสดใสปี 65 กลยุทธ์เน้นสินเชื่อเสี่ยงสูง ผลตอบแทนสูง เศรษฐกิจโตหนุนสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มขึ้น  12%  ธุรกิจใหญ่-อสังหาฯกลับมาขยายตัว  ดอกเบี้ยขาขึ้นคาด NIM อยู่ที่ 5.1% จากปีก่อนทำได้ 5.3% ตั้งสำรองลดลง 

นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP) เปิดเผยว่า ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อปี 2565 เติบโต 12% โดยหลักมาจากกลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อคาดเติบโตมากกว่า 12% และกลุ่มสินเชื่อรายย่อยอื่นๆ ส่วนกลุ่มสินเชื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ จะพลิกกลับมาเติบโตได้หลังจากหดตัวต่อเนื่องในช่วงปี 2563-2564  ต่างเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้นตามความเชื่อมั่นคาดเศรษฐกิจฟื้นตัวโตเกือบ 4% ส่วนต่างผลตอบแทนดอกเบี้ย (NIM) จะอยู่ที่ 5.1% ลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 5.3% ขณะที่สัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จะควบคุมให้ไม่เกิน 3.3% จากปีก่อนอยู่ที่ 3%

ส่วนกลุ่มธุรกิจนายหน้าขายประกันผ่านสาขาของธนาคาร (Bancassurance) เชื่อว่าจะสร้างรายได้ได้ดี เนื่องจากคนเริ่มมีรายได้มากขึ้น และธนาคารจะหันมารุกบริการด้านดิจิทัลมากขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้า และเพิ่มผลิตภัณฑ์บริการที่มีความหลากหลาย

“กลยุทธ์ในปีนี้จะเน้นกลุ่มสินเชื่อที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น แต่ก็ให้ผลตอบแทนที่สูงด้วยเช่นกัน ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว”นายอภินันท์กล่าว

สำหรับ Credit cost ก็จะลดลง และที่ผ่านมาตั้งสำรอส่วนเกินไปมาก ทำให้มี Coverage ratio สูงถึง 175% สามารถนำกลับมาคืนเป็นผลประกอบการต่อไปได้หลังจากสถานการณ์ต่างๆกลับมาดีขึ้นชัดเจน

ส่วนกลุ่มสินเชื่อโรงแรมและธุรกิจท่องเที่ยวยังเผชิญกับความไม่แน่นอน ยังไม่สามารถฟื้นตัวไปเหมือนก่อนช่วงเกิดโควิด-19 ได้ และยังมีลูกค้าอยู่ในมาตรการช่วยเหลือราว 50% ของพอร์ตที่มีอยู่ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท  แต่มองว่าลูกค้าผู้ประกอบการโรงแรมบางรายที่อยู่ในมาตรการช่วยเหลือของธนาคารเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี เริ่มมีรายได้กลับเข้ามา จากการนำโรงแรมไปทำ Hospitel ทำให้มีรายได้เข้ามาครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการบริการจัดการ และมีรายได้มาจ่ายดอกเบี้ยได้บางส่วน ประกอบกับผู้ประกอบการบางรายนำโรงแรมไปเข้าโครงการ Asset warehousing รวมกว่า 1,000 ล้านบาท มีเงินกลับมาในการบริหารจัดการและชำระคืนธนาคารได้

ด้านผลประกอบการปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6,318 ล่านบาท กำไรต่อหุ้น 7.46  บาท  เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5,123  ล้านบาท กำไรหุ้นละ 6.05  บาท