ดาวโจนส์ลบ 176 จุด วิตกเฟดขึ้นดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ลดลง 176 จุด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี Nasdaq ร่วงแรงกว่า 2% กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย หลังข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น สวัสดิการว่างงานเพิ่มมากกว่า 230,000 ตำแหน่ง สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ราคาน้ำมันดิบลดลง ด้านตลาดหุ้นยุโรปมีทั้งบวกและลบ 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 13 ม.ค. 2565 ปิดที่ 36,113.62 จุด ลดลง 176.70 จุด หรือ 0.49% นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีหลังจากการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความกังวลเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยกลับมาอีกครั้ง

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,659.03 จุด ลดลง 67.32 จุด, -1.42%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,806.81 จุด ร่วงลง 381.58 จุด, -2.51%

หุ้นแอมะซอนลดลง 2.4% หุ้นไมโครซอฟต์ลดลง 4.2%

กระทรวงแรงงานเผยแพร่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 9.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในเดือนพฤศจิกายน 2010 แต่ต่ำกว่า 9.8% ที่นักวิเคราะห์คาด เมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI เพิ่มขึ้น 0.2%

ในวันพุธ(12 ม.ค.) ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เพิ่มขึ้น 7.0% จากระยะเดียวกันของปีก่อน สูงสุดในรอบ 4 ทศวรรษ เมื่อเทียบรายเดือนดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.5% สูงกว่า 0.4% ที่นักวิเคราะห์คาด

นอกจากนี้กระทรวงแรงงานยังได้รายงานการยื่นขอรับสวัสดิการว่างครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนว่า เพิ่มขึ้น 230,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่มากกว่า 200,000 รายที่นักวิเคราะห์คาด

โอมาร์ อากีลาร์ ซีอีโอ Charles Schwab Asset Management ให้ความเห็นว่า ข้อมูลดัชนี PPI ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ได้เห็นแบบนี้มานานและข้อมูลตลาดแรงงานที่ตึงตัว ทำให้นักลงทุนพยายามประเมินนัยต่อการตอบสนองของธนาคารกลาง (เฟด)

นักเศรษฐศาสตร์หลายรายประเมินว่า เงินเฟ้อบ่งชี้ว่า ธนาคารกลางจะเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นและจะทำให้ภาวะการเงินตึงตัวขึ้น

“เงินเฟ้อที่สูงขึ้นและข้อมูลตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งล่าสุด ยิ่งทำให้การดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดตามที่เฟดได้ให้ภาพไว้ชัดเจนมากขึ้น” คริสเตียน เชอร์มันน์ นักวิเคราะห์จาก DWS Group “มองไปข้างหน้า การระบาดของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจในเดือนมกราคมและอาจจะเลยไปถึงกุมภาพันธ์ แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันของโอมิครอนบ่งชี้ว่าเฟดจะยังเดินหน้าลดนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายลง และมีแนวโน้มปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วที่สุดในเดือนมีนาคมปีนี้ นับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกตั้งแต่เดือนธันวาคม 2018

นอกจากนี้นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟดและได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรองประธานเฟด ให้ถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า เงินเฟ้อสูงเกินไป นโยบายการเงินมุ่งควบคุมเงินเฟ้อให้ลงไปที่ 2% แต่ยังคงหนุนการเติบโตต่อเนื่อง

บริษัทจดทะเบียนจะเริ่มรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4 จะเพิ่มขึ้น 22.4%
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 2.12% จากผลประกอบการไตรมาส 4 ที่ดีกว่าคาด

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลดลง โดยกลุ่มรถยนต์ลดลง 1.6% กลุ่มสินค้าในครัวเรือนลดลง 1.2% หลังจากเงินเฟ้อเดือนธันวาคมของสหรัฐฯยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานผลประกอบการ

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 486.05 จุด ลดลง 0.15 จุด, -0.03%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,563.85 จุด เพิ่มขึ้น 12.13 จุด, +0.16%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,201.14 จุด ลดลง 36.05 จุด, -0.50%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,031.59 จุด เพิ่มขึ้น 21.27 จุด, +0.13%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 52 เซนต์ ปิดที่ 82.12 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคม ลดลง 20 เซนต์ หรือ ปิดที่ 84.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล