3 โบรกฯ เชียร์ซื้อหุ้น JR เป้า 10 บาท พี/อีต่ำ แนวโน้มกำไรโตแรง

HoonSmart.com>> “บล.ฟินันเซีย ไซรัส” เชียร์ซื้อหุ้น JR ราคาเป้าหมาย 10 บาท คาดกำไรปี 64 โตแรง 167% และปี 65 โต 54% ลุ้นคว้างานโครงการใหญ่เปลี่ยนสายไฟอากาศเป็นลงใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู ดัน backlog แตะ 1 หมื่นล้านบาท ด้านบล.โกลเบล็ก มองแนวโน้มดี อนาคตเติบโตสูงต่อเนื่อง รับรู้รายได้จากโครงการใหญ่ดันมาร์จิ้นพุ่ง ราคาหุ้น P/E 27 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตฯ เทคโนโลยีเทรด 35 เท่า ฟาก ASPS แนะซื้อ ชี้อัตรากำไรขั้นต้น 15% สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่ม

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำซื้อหุ้น บริษัท เจ.อาร์.ดับเบิ้ลยู. ยูทิลิตี้ (JR) โดยให้ราคาเป้าหมาย 10 บาท เนื่องจากความสามารถทำกำไรจะเร่งตัวขึ้นอย่างมีนัยยะในไตรมาส 1/2565 เป็นต้นไป จากงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ปัจจุบันที่สูงถึงเกือบ 5 พันล้านบาท

ฝ่ายวิจัยคาดว่ามีลุ้นได้งานใหญ่ในช่วงปลายไตรมาส 1/2565 ในโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินเฟส 2 ของรถไฟฟ้าสีเหลือง-ชมพู หนุน Backlog ทะลุ 1 หมื่นล้านบาท รวมถึงโอกาสความร่วมมือกับพันธมิตร รุกธุรกิจวิศวกรรมไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรปี 2564-2565 เพิ่มขึ้น 167 % จากงวดเดียวกันปีก่อน และ 54% จากงวดเดียวกันปีก่อน

บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก ประเมินราคาเป้าหมายของหุ้น JR ที่ระดับ 9.20 บาท เนื่องจากฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการในอนาคตมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องจากการรับรู้รายได้งานโครงการขนาดใหญ่ที่มีมาร์จิ้นสูง รวมทั้งศักยภาพรับงานรับเหมาวางระบบไฟฟ้า งานวางระบบสื่อสาร ICT งานรื้อย้ายสายไฟฟ้าลงดิน ซึ่งราคาหุ้นในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาซื้อขายที่ระดับ P/E 27 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมที่เทรดระดับ 35 เท่า

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส (ASPS) ระบุว่าฝ่ายวิจัยแนะนำให้ซื้อหุ้น JR เพราะในระยะถัดไปดูดี เป็นหุ้นที่อยู่ในโซนน่าเข้าลงทุน เนื่องจากการฟื้นตัวกำไรตั้งแต่ปี 2565 จากการกลับมาส่งมอบงานหลักใน backlog ได้ตามปกติประกอบกับงานที่เข้ามามีจำนวนมากทั้งในส่วนงานใหญ่ที่เป็นงานต่อเนื่องการนำสายไฟอากาศลงดิน เฟส 2 และงานถนัดวางระบบไฟฟ้า ซึ่งปริมาณงานจะสูงขึ้นตามนโยบายผลักดันพลังงานสะอาดของรัฐที่ยังไม่ได้นับรวมในประมาณการกำไร มูลค่าพื้นฐานปี 2565 อิง PER 22 เท่า อยู่ที่ 8.40 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปี 2564-65 เติบโต 157% และ 27% ยังไม่รวม Upside จำนวนมาก ซึ่งฝ่ายวิจัยเริ่มเห็น Upside ที่เปิดขึ้น จากหลายส่วน โดยเฉพาะมูลค่างานใหม่ปี 2565 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้ที่ 6.7 พันล้านบาท หลักๆ มาจากงานนำสายไฟฟ้าอากาศลงดิน เฟส 2 มูลค่า 6.0 พันล้านบาท ที่เหลืองานอื่นๆ 700 ล้านบาท โดย Upside เห็นทั้งในส่วนของงานนำสายไฟฟ้าอากาศลงดิน เฟส 2 ที่มีมูลค่างานมีโอกาสสูงกว่าสมมติฐานที่ฝ่ายวิจัยรวมไว้เพียง 6.0 พันล้านบาท จากต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้น ขณะที่งานอื่นๆ ที่ JR เข้าร่วมปี 2565 ถึงราว 1.4 พันล้านบาท รวมถึงระยะถัดไปที่ฝ่ายวิจัยกำหนดเพียง 700 ล้านบาทต่อปี vs ปริมาณงานวางระบบไฟฟ้าที่กำลังเข้าสู่วงจรลงทุนรอบใหญ่ตามธีม Carbon Neutral

ทั้งนี้ เพื่อรอความชัดเจนของการได้งานจริงในระยะถัดไป รวมถึงการติดตามแนวโน้มประสิทธิภาพงานวางระบบไฟฟ้าที่ตามปกติแล้วในอุตสาหกรรมมีระดับไม่สูงราว คือ มีอัตรากำไรขั้นต้นราว 10%-12% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย JR ปัจจุบันที่เกิน 15%