ดาวโจนส์บวก 196 จุด คลายกังวลโอมิครอน หุ้นเปิดเมืองขึ้น

HoonSmart.com>>ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ดาวโจนส์บวก 0.55% นักลงทุนคลายความกังวลโควิดโอมิครอน  หนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ  หุ้นยุโรป-ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 23 ธ.ค.2564 ปิดที่ 35,950.56 จุด เพิ่มขึ้น 196.67 จุด หรือ 0.55% ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่สามก่อนปิดทำการในวันศุกร์ที่ 24 ธันวาคมเนื่องในวันคริสต์มาสอีฟ ด้วยการปรับตัวขึ้นของกลุ่มทั้งกระดาน เพราะนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังข้อมูลของหลายสถาบันบ่งชี้ว่าความเสี่ยงของผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่ำกว่าสายพันธุ์อื่น

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,725.79 จุด เพิ่มขึ้น 29.23 จุด, +0.62%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,653.37 จุด เพิ่มขึ้น 131.48 จุด, +0.85%

ดร.เดวิด คาสต์ ผู้บริหาร True Health Initiative กล่าวว่า แม้โอมิครอนจะกลายพันธุ์หลายตำแหน่งมากกว่าสายพันธุ์ตั้งต้น แต่ไม่ได้ทำให้ผู้ติดเชื้อป่วยหนัก

นอกจากนี้สำนักงานอาหารและยา Food and Drug Administration ยังได้อนุมัติให้ใช้ยาเม็ดโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพต้านไวรัส 30% รักษาโควิด-19 แบบที่บ้านของเมอร์คที่พัฒนาร่วมกับริดจ์แบคไบโอเธอราพิวติกส์ หลังจากที่วันก่อนหน้าได้อนุมัติยาเม็ดของไฟเซอร์

หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ ทั้งสายการบินและเรือสำราญปรับตัวขึ้น โดย หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน เพิ่มขึ้น 1.8% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 0.67% หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มขึ้น 1.61% หุ้นลาสเวกัส แซนด์ส เพิ่มขึ้น 4.23%

นักลงทุนยังขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนถึงการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจโดยตลาดแรงงานดีขึ้น และการใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น แต่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับยังน่าห่วง
โดยการยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ทรงตัวที่ระดับ 205,000 ราย ส่งผลให้ค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงมาที่ระดับต่ำสุดในรอบ 52 สัปดาห์

ด้านยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.5%

ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนพฤศจิกายน ซึ่งไม่รวมหมวดอาหารและพลังงานและเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลาง (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 4.7% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ทศวรรษ

ยอดขายบ้านใหม่เดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 12.4% มาที่ 744,000 ยูนิตสูงสุดในรอบ 7 เดือน

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่เพิ่มขึ้น 1.7% จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอมิครอน จะไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงอย่างที่กังวล

ผลการศึกษาจากแอฟริกาใต้ซึ่งเป็นแหล่งพบไวรัสโคโรนากลายพันธุ์สายใหม่โอมิครอน ที่ทำการวินิจฉัยผู้ป่วยช่วงวันที่ 1 ตุลาคมถึง 3 พฤศจิกายน บ่งชี้ว่าความเสี่ยงที่ผู้ติดเชื้อโอมิครอนจะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่ำกว่าสายพันธุ์อื่นถึง 80%

หุ้นไอเอจี บริษัทแม่ของบริติชแอร์เวย์เพิ่มขึ้น 2%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 483.01 จุด เพิ่มขึ้น 4.65 จุด, +0.97%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,373.34 จุด เพิ่มขึ้น 31.68 จุด, +0.43%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,106.15 จุด เพิ่มขึ้น 54.48 จุด, +0.77%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,756.31 จุด เพิ่มขึ้น 162.84 จุด, +1.04%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 1.03 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 73.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน เพิ่มขึ้น 1.56 ดอลลาร์ หรือ 2.1% ปิดที่ 76.85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล