ต่างชาติ-กองทุน ลุยแบงก์-ไฟฟ้า EA จ่อทะลุ 100 บาท

HoonSmart.com>>กองทุน-ต่างชาติ แห่ลุยหุ้นโรงไฟฟ้า EA จุดพลุ All Time High 98 บาท ซื้อขายอันดับ 1 จ่อทะลุ 100 บาท  หุ้นแบงก์ผสมโรง ไล่ดัชนีปิดสูงสุดของวัน 1,645 จุด 

ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 16 ธ.ค. ปรับตัวอยู่ในแดนบวกตลอดทั้งวัน มีแรงซื้อกลุ่มไฟฟ้า ที่นำโดยหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และพันธมิตร ส่งผลให้แรงซื้อหุ้นไฟฟ้าหลายตัว ปรับตัวขึ้น รวมทั้งผลการประชุมเฟด ออกมาส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 เร็วขึ้น ส่งผลต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ปรับตัวขึ้น

ดัชนี SET ปิดสูงสุดของวัน 1,645.32 จุด เพิ่มขึ้น 21.66 จุด มูลค่าซื้อขาย 89,085.37 ล้านบาท

ต่างชาติซื้อ 4,662.56 ล้านบาท, พอร์ตโบรกเกอร์ซื้อ 481.68 ล้านบาท, กองทุนขาย 127 ล้านบาท และรายย่อยขาย 5,017 ล้านบาท

 

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ผลสรุปการประชุมธนาคารกลางสหรัฐออกมา เป็นไปตามคาดการณ์ ประกาศเพิ่มวงเงิน QE Tapering ในเดือน ม.ค.2565 เป็น 30,000 ล้านเหรียญ จากเดิม 15,000 ล้านเหรียญ ทำให้มาตรการ QE จะสิ้นสุดเดือน มี.ค.2565 จากเดิมจะสิ้นสุดเดือน มิ.ย.2565

ขณะเดียวกัน Fed ส่งสัญญาณขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เร็วขึ้นตามคาดการณ์ สะท้อนจากแนวโน้มของ Dot plot ที่คาดว่า จะขึ้นดอกเบี้ยในปี 2565 จำนวน 3 ครั้ง ในไตรมาส 2, 3 และ 4 โดยสัญญาณอัตราผลตอบแทน Bond Yield สหรัฐก็ปรับขึ้นตามแนวโน้มขาขึ้น

“ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ในภาพรวมไม่ได้มีผลกระทบในเชิงลบอย่างที่คิดไว้ ประธาน Fed มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐสามารถขยายตัวได้ ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อปีหน้าคาดว่าอยู่ที่ 2% ซึ่งอาจจะมีผลกระทบเชิง Sentiment เล็กน้อย แต่การยกเลิก QE ก็แลกมาด้วยการให้เศรษฐกิจเติบโตด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาเงินอัดฉีด”

ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 2565 ยังมีความผันผวน จากเศรษฐกิจในประเทศค่อย ๆฟื้นตัว และปัจจัยเสี่ยงจากเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว แต่ในภาพรวมตลาดหุ้นไทย ยังมีแนวโน้มที่ดี รวมถึงอัตราดอกเบี้ยยังไม่มีแนวโน้มปรับขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย ประเมิน GDP ขยายตัวที่ 4% เป้าดัชนีปีหน้า 1,750 จุด และ EPS อยู่ที่ 94.2 บาทต่อหุ้น คาดช่วงครึ่งแรกของปี 2565 จะดีกว่าครึ่งหลังของปี 2565 เนื่องจากแผนการระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังจากมีโอกาสจะเกิดการเลือกตั้งขึ้น

ขณะที่ทิศทาง Fund Flow ในปีหน้า มีโอกาสจะไหลกลับมาซื้อสุทธิอยู่ ถ้าภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัว และดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเป็นบวก ก็อาจจะเป็นปัจจัยบวกให้นักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิ หลังจากขายสุทธิมา 5 ปีติดต่อกัน

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในปี 2565 ช่วงที่ตลาดผันผวน แนะนำเลือกหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโต ได้แก่กลุ่มธนาคาร ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น แนะนำ KBANK และ TTB ,กลุ่มหุ้นฏจักร แนะนำโรงกลั่น SPRC ,กลุ่มได้ประโยชน์จากบริโภคในประเทศฟื้นตัว แนะนำ CPN โอกาสปิดเมืองคาดว่าจะไม่มีแล้ว ,กลุ่มบริษัทเทคโนโลยี แนะนำ JMART ,กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แนะนำ HANA และกลุ่มสินเชื่อ แนะนำ JMT และ ASK

นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยนับจากนี้ ไปจนถึงสิ้นไตรมาส 1/2565 จะผันผวน ตามการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างประเทศ ขายหุ้นที่โดนผลกระทบเชิงลบจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย  5 ปีที่ผ่านมา ต่างชาติขายสุทธิไประมาณ 690,000 ล้านบาท ถึงแม้ผลกระทบไม่มาก แต่นักลงทุนควรระมัดระวังการลงทุน

ส่วนโอกาสที่นักลงทุนต่างประเทศจะกลับมาเข้าซื้อสุทธิในปีหน้าก็มี หากภาคท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น โดยประเมินเป้าหมายดัชนีปี 2565 อยู่ที่ 1,720 จุด การลงทุนแนะนำหุ้นเด่น ได้แก่ CPALL, BJC, BGRIM, GULF, OSP, CBG, SCB และKBANK