IFEC เปิดชื่อเจ้าหนี้ “สมศรี จีระวิพูลวรรณ” ซื้อหนี้หุ้นกู้มายื่นขอฟื้นฟู

IFEC แจงตลาด 3 ประเด็นข้อสงสัย เปิดชื่อเจ้าหนี้ “สมศรี จีระวิพูลวรรณ” เข้าซื้อหนี้หุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นเดิม 10 ล้านบาท มาขอยื่นฟื้นฟูกิจการ ไม่ขอเปิดความสัมพันธ์ฯ เกี่ยวข้องบุคคลใดและไม่ ส่วนประเด็นบริษัทฯ มีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ตามงบปี 59 ไม่ตอบ โบ๊ยงบปี 60 และ 61 อยู่ระหว่างสอบทานจากผู้สอบบัญชี

บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น (IFEC) ชี้แจงกรณีเจ้าหนี้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลางตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสั่งว่า โดยประเด็น 1. ข้อมูลของเจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการนั้น บริษัทขอชี้แจงว่า ในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่บริษัทได้รับเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2561 นั้น ปรากฏรายละเอียดในส่วนนี้เพียงว่า เจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการชื่อนางสมศรี จีระวิพูลวรรณผู้ร้องได้ ซื้อหนี้หุ้นกู้จากผู้ถือหุ้นกู้รายเดิม จำนวน 10 ล้านบาท โดยได้ชำระราคาและรับมอบใบหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือและได้รับสลักหลังจากผู้ถือใบหุ้นเดิมโดยถูกต้องแล้ว อ้างความเป็นเจ้าหนี้โดยสมบูรณ์ ตามกฎหมาย

อย่างไรก็ตามบริษัทจะได้ตรวจสอบความถูกต้องแห่งการอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าหนี้ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ต่อไป บริษัทไม่มีอำนาจพาดพิงบุคคลใด กรณีที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ สอบถามด้านความสัมพันธ์ ใดๆ กับบริษัท ผู้ถือหุ้นกรรมการ และผู้บริหารของบริษัท ซึ่งในส่วนนี้ บริษัทขออภัยที่ ต้องระมัดระวัง เกี่ยวกับอำนาจและหน้าที่ ของบริษัทตามกฎหมาย ในการที่จะดำเนินการตามที่ท่านประสงค์

ทั้งนี้ ประเด็นดังกล่าวสืบเนื่องจากปรากฎข่าวว่าเจ้าหนี้รายหนึ่งได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของ IFEC ต่อศาลล้มละลายกลาง ซึ่งศาลฯ มีคำสั่งรับคำร้องดังกล่าวแล้ว โดยมีกำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ ในวันที่ 29 ต.ค.2561 ตลาดฯ จึงใหเปิดชื่อเจ้าหนี้ และข้อเท็จจริง 3 ประเด็นภายในวันที่ 30 ส.ค.2561 ซึ่งบริษัทฯ ได้แจ้งตามเวลากำหนด

ประเด็น 2. สำหรับสาระสำคัญของคำร้องขอฟื้นฟูกิจการ บริษัทขอชี้แจงว่าตามข้อมูลโดยละเอียดในคำร้องขอฟื้นฟูกิจการที่บริษัทได้รับเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2561 มีสาระสำคัญ ดังนี้ เจ้าหนี้ได้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัท เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2561 ซึ่งตามคำร้องปรากฏสาเหตุที่เจ้าหนี้ยื่นขอฟื้นฟูกิจการว่า บริษัทมีภาระหนี้ที่ครบกำหนดชำระเพิ่มขึ้นเเละมูลค่าสินทรัพย์ที่ลดลง ทำให้บริษัทมีหนี้สินมากกว่าทรัพย์สิน เเละมีหนี้สินล้นพ้นตัว เเละไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้

หากบริษัทไม่ได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการต่อศาลจะไม่สามารถดำเนินการชำระหนี้ได้และปรากฎสาระสำคัญของช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการว่า ธุรกิจของบริษัทยังสามารถประกอบกิจการต่อไปได้และมีเเนวโน้มขยายตัวทางการตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งจากการประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าธุรกิจบริหารจัดการขยะ และธุรกิโรงแรมและการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจของกลุ่มดาราเทวี เชียงใหม่
ซึ่งบริษัทมีโอกาสที่จะขยายฐานการลงทุนและสร้างผลตอบแทนทางธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืน ตลอดจนสร้างประโยชน์สูงสุดกับผู้ถือหุ้นได้

ดังนั้นหากบริษัทสามารถทำการปรับโครงสร้างหนี้และมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอที่จะเพิ่มโครงการผลิตไฟฟ้าทางเลือก การประกอบกิจการด้านอสังหาริมทรัพย์และอื่น ๆ ได้ตามความต้องการของตลาด
ธุรกิจของบริษัทก็จะสามารถฟื้นตัวเป็นปกติได้ โดยเจ้าหนี้ผู้ยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการได้เสนอให้นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทเป็นผู้ทำแผน

ประเด็น 3. ตามข้อมูลในงบการเงินประจำปี 2559 ซึ่งเป็นงบการเงินฉบับล่าสุดที่ IFEC เปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2560 ปรากฏข้อมูลว่าบริษัทมีสินทรัพย์รวม 12,630 ล้านบาท หนี้สินรวม 9,3 44 ล้านบาท และส่วนผู้ถือหุ้น 3,227 ล้านบาท นั้น ซึ่งตลาดฯ ขอให้บริษัทชี้แจงฐานะการเงินและผลการดำเนินงานที่เป็นปัจจุบันของบริษัทว่าบริษัทมีหนี้สินล้นพ้นตัวหรือไม่ โดยบริษัทขอชี้แจงว่า บริษัทได้เปิดเผยงบการเงินฉบับล่าสุดต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย คืองบการเงินประจำปี 2559 ในส่วนของงบการเงินประจำปี 2560 และงบการเงินประจำปี 2561 ของบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยยังมิได้ผ่านการสอบทานจากผู้สอบบัญชี

ประเด็น 4. แนวทางและกรอบระยะเวลาที่บริษัทต้องดำเนินการต่อศาลฯ ภายหลังถูกยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ บริษัทขอชี้แจงว่า ภายหลังจากที่บริษัทได้รับทราบหมายแจ้งคำสั่งของศาลล้มละลายกลางว่า
บริษัทได้ถูกยื่นคำร้องขอให้ฟื้นฟูกิจการ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ฟ.14/2561 ศาลได้กำหนดนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการในวันที่ 29 ตุลาคม 2561 เวลา 09.00 น. และมีคำสั่งให้บริษัทยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินทั้งหมดที่มีอยู่ รายชื่อและที่อยู่โดยชัดแจ้งของเจ้าหนี้ทั้งหลายต่อศาลก่อนวันนัดไต่สวนและให้ไปศาลตามกำหนดนี้ ซึ่งคำสั่งศาลดังกล่าว คือแนวทางและกรอบระยะเวลาที่บริษัทจะต้องดำเนินการ และกำลังดำเนินการอยู่ ณ ขณะนี้

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะพิจารณาถึงการดำเนินการทางกฎหมายในคดีฟื้นฟูกิจการดังกล่าว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท ผู้ถือหุ้นและเจ้าหนี้ของบริษัททุกราย ทั้งนี้ เมื่อบริษัท มีความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวที่ได้แจ้งไว้เป็นประการใด บริษัทจะดําเนินการเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบสารสนเทศของตลาดหลักทรัพยแห่งประเทศไทยต่อไปโดยทันที