HoonSmart.com>>KBank Private Banking ปี 64 สินทรัพย์ภายใต้การจัดการแตะ 9 แสนล้านบาท โต 6% สร้างรายได้ค่าธรรมเนียมการลงทุนถึง 27% แนะกลยุทธ์ลงทุนปี 65 เน้น”ถือเงินสดหาโอกาสลงทุน-ลงทุนหุ้นกุ้ตลาดเกิดใหม่-ลดสัดส่วนทองคำ-ลงทุนหุ้นยั่งยืน” จัดพอร์ตหุ้น 55-60% ตราสารหนี้ไม่เกิน 30% ที่เหลือลงทุนทางเลือก
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ไพรเวท แบงค์กิ้ง กรุ๊ป เฮด (Private Banking Group Head) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่าผลงานปี 2564 เติบโตต่อเนื่อง มีจำนวนลูกค้าประมาณ 13,000 ราย เติบโต 3% สินทรัพย์ภายใต้การจัดการทั้งหมด(Assets Under Management -AUM)ประมาณ 9 แสนล้านบาท ขยายตัว 6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ภายในสิ้นปี 2564 คาดว่าจะมีสินทรัพย์ลงทุนรวมประมาณ 5 แสนล้านบาท เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและ/หรือมีความซับซ้อน (Sophisticated asset) ถึง 1.5 แสนล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ถึง 16% และคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมการลงทุนจะเติบโตถึง 27%
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนใน 2565 แนะนำ 10 ขั้น ได้แก่
1.เพิ่มเงินสดในพอร์ตเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาดที่สูงขึ้น จากความไม่แน่นอน โดยเฉพาะทิศทางการดำเนินนโยบายของ FED ท่ามกลางราคาของหลายๆ สินทรัพย์ที่เริ่มตึงตัว หากตลาดมีการปรับฐานก็สามารถใช้โอกาสการเข้าซื้อในราคาที่ต่ำลง
2.ลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล และหุ้นกู้ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากให้ผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยค่อนข้างต่ำ ไม่สามารถชดเชยราคาที่จะถูกกดันจากบอนด์ยีลด์ขาขึ้นได้
3.ตลาดหุ้นยังน่าสนใจลงทุน หนุนโดยกำไรสุทธิที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
4.แนะนำลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูกกว่าปัจจัยพื้นฐาน หรือ หุ้น Value หรือหุ้นที่เคลื่อนไหวตามวัฏจักรหรือ หุ้น Cyclical เช่น กลุ่มการเงิน ที่ราคาพื้นฐานยังคงน่าสนใจ
5.ลงทุนในหุ้นกู้ตลาดเกิดใหม่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉพาะในเอเชีย ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตราสารหนี้ในประเทศพัฒนาแล้ว
6.ประเมินค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จะแข็งค่าขึ้น สวนทางกับค่าเงินยูโร
7.ลดสัดส่วนการลงทุนในทองคำ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่สูงขึ้นจะกดดันราคาทองคำ
8.เน้นกลยุทธ์การลงทุนแบบเชิงรุก (Active) มากกว่าลงทุนตามดัชนี (Passive) โดยปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างสม่ำเสมอตามสภาวะตลาด
9.ความผันผวนถือเป็นโอกาสในการลงทุน
10.การลงทุนแบบยั่งยืน (Sustainability) เป็นกุญแจสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นให้กับพอร์ตการลงทุน
ปี 2565 ธนาคารยังคงสานต่อกลยุทธ์ 3S โดยมี 2 พันธกิจสำคัญ คือ 1) การส่งมอบบริการที่ครบถ้วนและคำปรึกษาการลงทุนเพื่อพาพอร์ตลงทุนลูกค้าเติบโตอย่างยั่งยืน 2) นำความเชี่ยวชาญด้านการลงทุน ผลักดันและส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และ สังคม
ผ่านกลยุทธ์ 3S ได้แก่ S แรก-New S-Curve เปิดโอกาสต่อยอดความมั่งคั่งให้กับลูกค้า S ที่สอง-Sustainability แนะนำการลงทุนด้วยเป้าหมายและกลยุทธ์ที่ยั่งยืน เพื่อโอกาสการลงทุนที่ดีกว่า โดยเชื่อว่าเงินลงทุน 60-70% จะเน้นหุ้นที่ให้น้ำหนักกับการรักษาสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืน จากผลสำรวจโดย Lombard Odier พบว่าบุคคลสินทรัพย์สูง (HNWIs) ในประเทศไทยให้ความสำคัญกับความยั่งยืนก่อนตัดสินใจลงทุนและเชื่อว่าจะสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าได้ และ S ที่สาม-Sharing ผสานร่วมมือกับทุกภาคส่วน ทั้งองค์กรสาธารณกุศล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และลูกค้าที่ต้องการจัดตั้งมูลนิธิของครอบครัว
“ปี 65 บริษัทได้รับการจัดสรรเงินที่จะใช้ในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว 7,000-10,000 ล้านบาท หวังว่าอย่างน้อยทั้งปีน่าจะ 20,000 ล้านบาท ส่วนการจัดพอร์ตการลงทุนปีหน้า ควรเน้นหุ้น 55-60% ตราสารหนี้ไม่เกิน 30% ที่เหลือเป็นการลงทุนทางเลือก “ นายจิรวัฒน์ กล่าว