HoonSmart.com>> “ไซมิส แอสเสท” คาดรายได้ปี 65 โตไม่ต่ำกว่า 4 พันล้านบาท จากการขายสินค้าพร้อมอยู่ 70% ของมูลค่ารวม 5 พันล้านบาท แถมได้ธุรกิจโรงแรม-อื่นๆหนุนผลงานโต ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/64 คาดดีกว่าไตรมาสก่อน หลังรัฐผ่อนคลาย LTV-ต่างชาติซื้ออสังหาฯ ได้ง่ายขึ้นช่วยหนุน
นายสุพล จงจินตรักษา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท ไซมิส แอสเสท (SA) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4,000 ล้านบาท โดยเติบโตจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้จากการขายสินค้าพร้อมโอน (Ready to Move) ประมาณ 70% ของมูลค่าทั้งหมดในปัจจุบันที่ 5,060 ล้านบาท ประกอบกับในปีหน้ามีแผนจะขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ไปแนวราบมากขึ้น โดยโครงการใหม่ในปีหน้าจะเปิดเพิ่มอีก 5 โครงการ (คอนโดมิเนียม 1 โครงการ และแนวราบ 4 โครงการ) มูลค่าโครงการรวม 10,017.7 ล้านบาท ซึ่งจะมียอดขายเพิ่มเข้ามา รวมถึงปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้ (Backlog) ในมืออีกประมาณ 4,338 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้บริษัทได้กระจายความเสี่ยงทางธุรกิจ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคง โดยในปี 2565 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโรงแรมอย่างเต็มรูปแบบเพิ่มอีก 4 แห่ง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเริ่มกลับเข้ามา รวมถึงการเปิดแบรนด์ร้านอาหารเพิ่มอีก 6 แบรนด์ และร้านนวดเพื่อสุขภาพ ตามพื้นที่ของโรงแรม เพื่อรองรับการใช้บริการของผู้พักอาศัยภายในโรงแรมของบริษัท นอกจากนี้บริษัทมีแผนจะเปิดตัวร้านอาหาร Cloud Kitchen โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าใน 2565 จะเปิดครบ 100 สาขา
ขณะที่ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย ไซมิส แอสเสท แอนด์ เวลธ์ แมเนจเมนท์ (SAM) คาดว่าจะเริ่มทยอยซื้อสินทรัพย์เข้ามาบริหารได้ในช่วงไตรมาส 3/2565 หลังคาดว่าจะได้ใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยในช่วงไตรมาส 2/2565 และคาดว่าจะสามารถเริ่มสร้างรายได้ในไตรมาส 4/2565 ซึ่งปัจจุบันมีศึกษา NPA อยู่ประมาณ 2-3 โครงการ ทั้งโรงแรมและอาคารสำนักงาน
ส่วนธุรกิจเทคโนโลยี ปัจจุบันได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องกรองอากาศแล้ว และเตรียมจะเริ่มติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า EV ตามคอนโดมิเนียมต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกบ้าน และบริษัทสามารถเก็บค่าชาร์จจากลูกบ้านได้ รวมถึงในอนาคตจะเริ่มติดตามโซลาร์ เพื่อลดต้นทุนการซื้อไฟฟ้าจากภาครัฐด้วย
ด้านแนวโน้มในไตรมาส 4/2564 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหน้าที่โดนผลกระทบโควิด-19 ประกอบกับการผ่อนปรนมาตรการ LTV และผ่อนคลายมาตรการให้นักลงทุนต่างประเทศสามารถซื้อบ้านได้ง่ายมากขึ้น รวมถึงการเปิดประเทศ ซึ่งปัจจัยข้างต้นก็ส่งบวกต่อแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในไตรมาส 4/2564 และต่อเนื่องในอนาคต
“เราเริ่มกระจายธุรกิจมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงของรายได้รวม และลดความผันผวนของรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเราคาดหวังว่าสัดส่วนรายได้ในปีหน้ามีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจอสังริมทรัพย์ลดลงอยู่ที่ 90% จากปัจจุบันอยู่ที่ 95% ซึ่งสัดส่วนรายประจำ (โรงแรมและพื้นที่ให้เช่า) จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 5% และสัดส่วนรายได้อื่นๆ (ร้านอาหาร ,สุขภาพ, เทคโนโลยี และบริหารสินทรัพย์) จะอยู่ที่ 5% โดยในอนาคตคาดว่าสัดส่วนรายได้ประจำและรายได้อื่นๆจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง” นายสุพล กล่าวทิ้งท้าย