WFX หุ้น Growth Stock ผู้นำยางยืดระดับโลก

HoonSmart.com>>หุ้นเวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) นับถอยหลังเตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในเดือนธันวาคมนี้

สำหรับ WFX เป็นผู้นำผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ของโลก ระดมทุนขายหุ้น IPO จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ราคาหุ้นละ 7.20 บาท

แบ่งเป็นการเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ไทยรับเบอร์ (TRUBB) ระหว่างวันที่ 9-14 ธันวาคม 2564 ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) และวันที่ 15-17 ธ.ค. 2564 สำหรับประชาชนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน

WFX ถือเป็นหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วไปและนักทุนสถาบันอย่างคึกคัก ในฐานะผู้นำตลาดเส้นด้ายยางยืดชั้นนำระดับโลก ที่แนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากแผนการเพิ่มกำลังการผลิตกว่า 35% ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้า ตามยุทธศาสตร์เชิงรุก (Growth Strategy) ของบริษัท

ด้วยแผนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 12,400 ตัน/ปี แบ่งเป็น 2 เฟส ซึ่งเฟสแรกมีกำหนดจะผลิตได้ในช่วงกลางปี 2565 จำนวน 6,200 ตัน/ปี และในเดือนมกราคม 2566 จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 6,200 ตัน หรือเพิ่มขึ้นราว 35% จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 35,000 ตัน/ปี

ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของ WFX เติบโตอย่างก้าวกระโดด แม้จะเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

จากข้อมูลงบการเงิน 9 เดือนแรกของปี 2564 รายได้พุ่ง 51% โดยมีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 218% อยู่ที่ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

โดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 15.96% และกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 7.27%

ขณะที่ในปี 2561-2563 มีกำไรสุทธิ 19.22 ล้านบาท 7.72 ล้านบาท และ 57.81 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2561-2563 อยู่ที่ 4.82% 4.76% 7.42% และกำไรสุทธิในปี 2561-2563 อยู่ที่ 1.03% 0.38% 2.40% ตามลำดับ

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า ผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในงวด 9 เดือนแรกของ WFX ได้รับปัจจัยหนุนจาก Growth Strategy มุ่งเจาะตลาดใหม่ ๆ สร้างผลิตภัณฑ์คุณภาพที่มีความหลากหลาย การขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับการเติบโตที่วางแผนไว้ส่งผลให้บริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายเส้นด้ายยางยืดที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านขนาดและคุณภาพที่แตกต่างกันไป ทำให้สามารถรองรับความต้องการที่แตกต่างของเส้นด้ายยางยืดได้เพิ่มขึ้นทั้งจากฐานลูกค้าเดิมและการขยายฐานลูกค้าใหม่

รวมไปถึงสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายสินค้าให้แก่กลุ่มลูกค้าประเภทผู้ใช้งานโดยตรง (End-user) ที่เพิ่มขึ้น และได้ราคาที่สูงกว่ากลุ่มลูกค้าประเภทผู้จำหน่ายสินค้า (Distributor) ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลให้เกิดการเพิ่มขึ้นบางส่วนของอุปสงค์ของเส้นด้ายยางยืดชนิดเคลือบแป้งซึ่งเป็นส่วนประกอบของอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สายคล้องหน้ากากผ้า ยางยืดขอบชุด PPE และหมวกคลุมผมทางการแพทย์ เป็นต้น

ขณะที่มุมองของ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าหุ้น WFX ที่ 12.40 บาท/หุ้น ด้วยวิธี 2022E PER ที่ 18 เท่า โดยผลการดำเนินงานของบริษัทฯจะเติบโตได้โดดเด่นจากธุรกิจแผนขยายกำลังการผลิตต่อเนื่อง โดยใช้ความได้เปรียบด้านต้นทุนบริษัทจึงใช้กลยุทธ์เชิงรุกเข้าไปเจาะกลุ่มตลาดใหม่มากขึ้น

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2565 สำหรับ WFX ที่ 10.10 บาท – 11.50 บาท ซึ่งคำนวณโดยอิง PER ปี 2565 ที่ 15 -17 เท่า เท่ากับหุ้นในกลุ่มสิ่งทอในจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท เนื่องจากไม่มีหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่ดำเนินธุรกิจเช่นเดียวกันกับบริษัท

จับตาหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ ผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดระดับโลก ที่เตรียมผงาด! ขึ้นสู่ความเป็นเบอร์หนึ่งในตลาด ภายใน 1-3 ปีข้างหน้าจากการเพิ่มกำลังการผลิต จะสามารถสร้างผลตอบแทนให้กับผู้หุ้นได้มากน้อยแค่ไหน หลังเข้าเทรดใน SET แต่ที่แน่ๆ ราคาหุ้นไอพีโอเทียบราคาเป้าหมายสูงสุด อัพไซด์สูงกว่า 72% ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว กับอนาคตธุรกิจของ WFX ในฐานะหุ้น Growth Stock