ดาวโจนส์พุ่ง 646 จุด คลายกังวลโอไมครอน

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์พุ่ง 646 จุด  นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน  หุ้นพลังงานและสายการบินเพิ่มขึ้น เสียงเตือนตลาดยังคงผันผวนต่อเนื่อง  ส่วนราคาบิตคอยน์ร่วงลงแรงถึง 10,000 ดอลลาร์ที่ผ่านมาเชื่อว่า เป็นผลจากไวรัสโอไมครอนและเฟดจะเร่งลดการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น ราคาน้ำมันดิบพุ่งแรงกว่า 4% 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 6 ธ.ค. 2564 ปิดที่ 35,227.03 จุด เพิ่มขึ้น 646.95 จุด หรือ 1.87% ลบล้างการร่วงลงแรงในสัปดาห์ก่อน หลังจากนักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,591.67 จุด เพิ่มขึ้น 53.24 จุด, +1.17%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,225.15 จุด เพิ่มขึ้น 139.68 จุด, +0.93%

ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการแพทย์ทำเนียบขาวให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซีว่า รายงานจากแอฟริกาบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน จะไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น “แม้เร็วเกินไปที่จะสรุปในเรื่องนี้ แต่จนถึงขณะนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้เกิดอาการรุนแรง”

ขณะที่ดร.โรเชลลี วาลเนสกี้ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ(CDC) ให้สัมภาษณ์เอบีซี นิวส์ว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนในอย่างน้อย 15 รัฐทั่วประเทศในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์หลังจากองค์การอนามัยโลกชี้ว่าไวรัสนี้น่ากังวล

ความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนลดลง เห็นได้จากการฟื้นตัวของกลุ่มเทคโนโลยีจากที่อ่อนตัวลงในช่วงแรกของการซื้อขาย อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์จาก OANDA เตือนให้นักลงทุนระมัดระวังในการซื้อขายจนกล่าวจะมีข้อมูลที่ชัดเจนสนับสนุนมุมมองทางบวก รายงานที่ว่าการติดเชื้อโอไมครอนไม่รุนแรงทำให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากขึ้นแต่เร็วไปที่จะคลายกังวล และเตือนว่าตลาดยังคงผันผวนต่อเนื่องในสัปดาห์นี้

สตีเฟน โฮจ ผู้บริหารโมเดอร์นากล่าวว่า มีความเสี่ยงที่ประสิทธิภาพของวัคซีนจะลดลงในการสร้างภูมิคุ้มกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน หุ้นโมเดอร์นา ลดลง 13.49%
หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชนจากการเปิดเศรษฐกิจทั้งพลังงาน อุตสาหกรรมและสายการบินปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาที่ 1.436% จากที่อ่อนตัวลงในสัปดาห์ก่อน

โดยหุ้นเจนเนอรัล อิเล็กทริค หุ้นโบอิ้ง ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 3% หุ้นเชฟรอนเพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นแคทเธอพิลลาร์เพิ่มขึ้น 1.7%
หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 8.3%, หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 7.8%. หุ้นโรยัล แคริบเบียนและหุ้นคารฺนิวาล ครูซไลน์ต่างขึ้นกว่า 8% หุ้นวินน์ รีสอร์ตเพิ่มขึ้น 6%

ในวันเสาร์บิตคอยน์ร่วงลงแรงถึง 10,000 ดอลลาร์ ภายใน 24 ชั่วโมงจากวันศุกร์ แม้ไร้ปัจจัยกดดันแต่นักลงทุนเชื่อว่า เป็นผลจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนและการคาดว่าธนาคารกลาง(เฟด) จะเร่งลดการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้น

นักลงทุนจับตาการประชุมของเฟดครั้งหน้าที่จะมีขึ้นท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนและเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์บางรายมองว่า จากการที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร้ซกว่าอัตราดอกเบี้ยมาอย่างน้อยสามทศวรรษ จึงคาดว่า เฟดน่าจะให้ความสำคัญกับการจัดการระดับราคาที่สูงขึ้น

“ เฟดตัดสินใจเร่งการลดซื้อพันธบัตรซับซ้อน มาจากเงินเฟ้อมากกว่าภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน การติดเชื้อระลอกใหม่อาจะทำให้การฟื้นตัวชะลอลง แต่อาจจะมีผลต่อราคาเช่นกัน และหากไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนแพร่กระจายในหลายประเทศและมีใช้มาตรการเข้มงวดอีกครั้งจซ้ำเติมห่วงโซ่อุปทานมากขึ้น และจะเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนำโดยกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่เพิ่มขึ้นกว่า 4.1% ขณะที่นักลงทุนยังเกาะติดสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนและความผันผวนของบิตคอยน์ ในเยอรมนีคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคมลดลง 6.9% จากเดือนก่อนหน้า และมากกว่า 0.5% ที่นักวิเคราะห์คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 468.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด, +1.28%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,232.28 จุด เพิ่มขึ้น 109.96 จุด, +1.54%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,865.78 จุด เพิ่มขึ้น 100.26 จุด, +1.48%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,380.79 จุด เพิ่มขึ้น 210.81 จุด, +1.39%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 3.23 ดอลลาร์ หรือ 4.9% ปิดที่ 69.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 73.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล