ดาวโจนส์ดิ่ง 461 จุด ตื่นสหรัฐพบผู้ติดเชื้อรายแรก

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์สวิงแรงเช้าบวกกว่า 500 จุด สุดท้ายดิ่ง 461 จุด วิตกผลกระทบเศรษฐกิจจากโอไมครอนหลังพบผู้ติดเชื้อรายแรก  กระทบหุ้นกลุ่มเดินทาง ค้าปลีก  ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันดิบลดลงต่อ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average:DJIA) วันที่ 1 ธ.ค. 2564 ปิดที่ 34,022.04 จุด ลดลง 461.68 จุด หรือ 1.34% หลังจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ(Centers for Disease Control and Prevention:CDC) ยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนรายแรกที่แคลิฟอร์เนีย ทำให้วิตกว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ

ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 4,513.04 จุด ลดลง 53.96 จุด, -1.18%
ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,254.05 จุด ลดลง 283.64 จุด, -1.83

นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวกล่าวว่า หน่วยงานด้านสาธารณสุขในซานฟรานซิสโกและแคลิฟอร์เนีย ยืนยันการพบผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนรายแรก และอาจจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะรู้ว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนแพร่ระบาดได้ง่ายเพียงใด

กลุ่มเดินทางร่วงหนัก โดยหุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลงเกือบ 8% หุ้นเดลตาแอร์ไลน์ลดลง 7.3% หุ้นยูไนเต็ดแอร์ไลน์ลดลง 7.5% หุ้นโบอิ้งผู้ผลิตเครื่องบินลดลง4.8%
หุ้นนอร์วีเจียน ครูซไลน์โฮลดิ้งส์ลดลง หุ้น8.8% คาร์นิวาล ลดลง หุ้นวินน์ รีสอร์ตลดลง 6.1% ส่วนหุ้นโรงแรมฮิลตัน เวิล์ดไวลด์ลดลง 3.8%

กลุ่มค้าปลีกก็ลดลงเช่นกัน หุ้นนอ์สดสครอมลดลง 5.3% หุ้นโคลห์ลดลง 5.6% หุ้นเบสต์บายลดลง 4.3% หุ้น เมซีส์ลดลง 4.6%

นักลงทุนเมินความเห็นของนายเจอโรม พาเวลล์ประธานธนาคารกลาง(เฟด)ในการให้ถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาเป็นวันที่สองที่ว่าจะเฟดจะปรับนโยบายการเงินให้เร็วขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แต่ได้ปรับโทนการพูดลงว่า “ การลดซื้อพันธบัตรจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาด และไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น เท่าที่ผ่านก็ไม่เกิด เราได้ประกาศไว้แล้ว”

นักวิเคราะห์จาก IG ระบุว่า นักลงทุนยังจับตาที่ไวรัสสายพันธุ์ใหม่โอไมครอนและรอผลการตรวจสอบของ CDC ที่คาดว่าจะรู้ผลในอีก 2 สัปดาห์หน้า

“นายพาวเวลล์ตัดสินใจที่จะเลิกใช้คำว่าชั่วคราวเมื่อพูดถึงเงินเฟ้อ แต่ความจริงก็คือไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีความเสี่ยงที่จะทิศทางนโยบายการเงินที่จะเข้มงวดขึ้นนั้น มีความชั่วคราวขึ้นบ้าง”

ตลาดได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากการรายงานการจ้างงานของภาคเอกชนเดือนพฤศจิกายนของออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ที่เพิ่มขึ้น 534,000 ตำแหน่ง สูงกว่า 506,000 ตำแหน่ง ที่นักวิเคราะห์คาด แต่ต่ำกว่า 570,000 ตำแหน่งในเดือนตุลาคม

นักลงทุนยังจับตาการรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพฤศจิกายนในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 581,000 ตำแหน่ง

ด้านสถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) รายงาน ดัชนีภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 61.1 จาก 60.8 ในเดือนตุลาคม และสูงกว่า 61.0 ที่นักวิเคราะห์
ไอเอสเอส มาร์กิตรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพฤศจิกายนลดลงมาที่ 58.4 จากรายงานเบื้องต้น 59.1

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดยกลุ่มรถยนต์และกลุ่มเดินทางและสันทนาการที่ต่างเพิ่มขึ้นกว่า 3 % จากการกลับเข้าซื้อหุ้นของนักลงทุน เพราะคาดว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โอไมครอน ไม่น่าส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ไอเอสเอส มาร์กิตรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนพฤศจิกายนของยูโรโซนเพิ่มขึ้นมาที่ 58.4 ดีขึ้นจาก 58.3 รายงานเบื้องต้นแต่ต่ำกว่า 58.6 ที่คาด

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 470.86 จุด เพิ่มขึ้น 7.90 จุด, +1.71%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,168.68 จุด เพิ่มขึ้น 109.23 จุด, +1.55%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,881.87 จุด เพิ่มขึ้น 160.71 จุด, +2.39%,
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,472.67 จุด เพิ่มขึ้น 372.54 จุด, +2.47%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมกราคมลดลง 61 เซนต์ ปิดที่ 65.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ ลดลง 36 เซนต์ ปิดที่ 68.87 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล