HoonSmart.com>> “TMBAM Eastspring” แนะทยอยลงทุนกองทุนหุ้นโลก มองจังหวะเหมาะตลาดปรับฐานกังวล “โอไมครอน” พร้อมคัด 5 กองทุนระดับโลกมีไว้ติดพอร์ต ลดภาษีโค้งสุดท้าย ชูลงทุน “หุ้นโลก-หุ้นสหรัฐฯ-ตราสารหนี้ต่างประเทศ”
ในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีเข้าสู่เทศกาลลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Eastspring จัดงานสัมมนาออนไลน์ มหกรรมการลงทุนครบวงจรเพื่อการวางแผนภาษี RMF|SSF|ประกัน #ครบจบในที่เดียว เพื่อช่วยผู้ลงทุนวางแผนภาษีช่วงโค้งสุดท้ายของปีผ่านผลิตภัณฑ์กองทุนรวมและประกันชีวิต เมื่อวันรที่ 30 พ.ย.2564 ที่ผ่านมา
นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการส่วนกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการลงทุนทั่วโลกได้รับความผันผวนจากความกังวลว่าจะมีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ อย่าง “โอไมครอน” (Omicron) แต่ในสัปดาห์นี้พบว่าตลาดการลงทุนทั่วโลกเริ่มคลายกังวลต่อโควิดสายพันธุ์ใหม่ เพราะเริ่มมีสัญญาณบ่งชี้ว่าสายพันธุ์ดังกล่าวถึงแม้จะมีผลทำให้เกิดการติดต่อที่มากกว่าสายพันธุ์อื่น แต่ยังเชื่อว่าผู้พัฒนาวัคซีนจะสามารถปรับสูตรวัคซีนให้ตอบสนองต่อสายพันธุ์ดังกล่าวได้ ซึ่งแตกต่างจากในปี 2563 ที่ขณะนั้นทั่วโลกยังไม่สามารถค้นพบวัคซีนโควิด-19
“การลงทุนในหุ้นโลกยังมีความน่าสนใจอยู่ เพราะในระยะยาวภาพการเติบโตของเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตได้ ถึงแม้จะมีความผันผวนรออยู่ข้างหน้า เช่น การกลายพันธ์ของโควิด-19 ,การขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ,การขึ้นภาษีในสหรัฐฯ เป็นต้น จึงแนะนำผู้ลงทุนเริ่มทยอยลงทุนในกลุ่มกองทุนที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว โดยอาศัยจังหวะที่ตลาดหุ้นปรับตัวย่อลง”นายบดินทร์ กล่าว
“หุ้นโลก-หุ้นสหรัฐ-ตราสารหนี้ต่างประเทศ”
นายบดินทร์ แนะนำ 5 กองทุนที่ต้องมีติดพอร์ตไว้เพื่อลดหย่อนภาษี คือกองทุนหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Capital Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (T-ES-GCG-RMF) , กองทุนเปิดธนชาต อีสท์สปริง Global Capital Growth เพื่อการออม (T-ES-GCG-SSF) จากบลจ.ธนชาต (Thanachart Fund Eastspring) และกองทุนเปิดทหารไทย Global Quality Growth เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGQGRMF) และกองทุนเปิดทหารไทย US500 เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBUS500RMF) และกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ อย่างกองทุนเปิดทีเอ็มบี Global Income เพื่อการเลี้ยงชีพ (TMBGINCOMERMF) จาก TMBAM Eastspring
สำหรับกองทุนหุ้นทั่วโลก อย่าง T-ES-GCGRMF, T-ES-GCGSSF และ TMBGQGRMF เป็นกองทุนที่เหมาะกับทุกสถานการณ์ (All Weather Fund) สามารถทยอยสะสมการลงทุนได้ตลอดและเหมาะเก็บลงทุนเป็นพอร์ตลงทุนหลัก (Core Port) โดยเฉพาะในจังหวะนี้ที่ตลาดกลัวความเสี่ยงอย่างมีนัยยะ
จุดเด่นของ TMBGQGRMF เน้นลงทุนหุ้นทั่วโลกที่มีคุณภาพและการเติบโตดี มูลค่าไม่แพง มีปันผลสูง ผ่านกองทุนหลัก Wellington Global โดยมีเป้าหมายเอาชนะ MSCI All Country World Index ในระยะยาว กระจายการลงทุนเหมาะสม 60-90 บริษัท ผลงานที่ผ่านมาสร้างผลตอบแทนส่วนเกินจาก Benchmark เฉลี่ยปีละ 5% พอร์ตลงทุนหลักๆ อยู่ในหุ้นสหรัฐ ยุโรปและญี่ปุ่นรวมกว่า 90% บริหารจัดการโดย Wellington Asset Management
กองทุน T-ES-GCGRMF, T-ES-GCGSSF เน้นลงทุนหุ้นเติบโตทั่วโลกประมาณ 25-30 บริษัท ซื้อและถือยาว จัดพอร์ตตามน้ำหนักของผู้จัดการกองทุน กระบวนการลงทุนได้รับการพิสูจน์ 30 ปี ได้มอร์นิ่งสตาร์ 5 ดาว พอร์ตการลงทุนอยู่ในสหรัฐ 60% ไอร์แลนด์ 14% ยุโรป 20% ซึ่งกองทุนหลักชื่อ Amundi Polen GlobalCapital Growth ในกลุ่ม Amundi บริษัทจัดการลงุทนเบอร์หนึ่งในยุโรป
ส่วน TMBUS500RMF หมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์ โดยเฉพาะผู้ที่เชื่อมั่นในหุ้นสหรัฐที่มีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจสูงและสามารถรับความเสี่ยงได้ โดยกองทุนจะลงทุนใน iShares Core S&P 500 ETF เป็นกองทุนหลัก โดยเน้นลงทุนในหลักทรัพย์ประมาณ 500 ตัว มีสัดส่วนอยู่ในกลุ่มเทคโนโลยีประมาณ 27% และกลุ่มเฮทธ์แคร์ประมาณ 13% ตลาดลำดับ (ข้อมูล ณ 30 ก.ย. 2564)
จุดเด่นที่น่าสนใจของหุ้นสหรัฐฯ เวลาปรับตัวลงมาจะใช้เวลาฟื้นตัวได้เร็วกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ จากข้อมูลในรอบ 10 ปี (1 ม.ค.53-10 พ.ย.64) ผลตอบแทนดัชนีหุ้นสหรัฐ (S&P500) อยู่ที่ 15% หุ้นยุโรป (STOXX600) อยู่ที่ 9.28% ญี่ปุ่น (NIKEI225) อยู่ที่ 11.19% จีน (CSI300) อยู่ที่ 4.75% หุ้นไทย (SET) อยู่ที่ 10.69% และหุ้นอินเดีย (SENSEX) 12.43% ซึ่งจากข้อมูลพบว่าตลาดหุ้นสหรัฐผลตอบแทน Outperform แต่ความผันผวนอยู่ที่ 13.87% ใกล้เคียงกับตลาดหุ้นยุโรปอยู่ที่ 13.34% อีกทั้งยังพบว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังมีความผันผวนที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่น จีน ไทยและอินเดีย
นอกจากนี้แม้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุด 34% แต่ใช้เวลาในการฟื้นตัวน้อยเพียง 103 วัน เมื่อเทียบหุ้นยุโรปลดลง 36% แต่ใช้เวลาฟื้นตัวนานถึง 268 วัน ทั้งที่ลดลงใกล้เคียงกับหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่หุ้นไทยลดลง 36% และใช้เวลาฟื้นตัว 284 วัน ส่วนหุ้นอินเดียวลดลง 38% ใช้เวลาฟื้นตัว 158 วัน
สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้พอร์ตลงทุนมีสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมากจนเกินไป แนะนำกองทุน TMBGINCOMERMF กองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศระดับ 5 ดาวจากมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ 9 พ.ย. 2564) ที่มีการกระจายลงทุนอย่างหลากหลาย ทั้งในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงและกลุ่มคุณภาพสูง โดยมีความมุ่งหมายที่จะพยายามแสวงหาผลต่อต่อความเสี่ยงที่คุ้มค่ามากที่สุด ปัจจุบันอายุตราสารหนี้เฉลี่ยในพอร์ตประมาณ 1.48 ปี
“การจัดพอร์ตการลงทุนไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว อยากให้ดูความสามารถในการรับความเสี่ยง หากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจลงทุนในหุ้นประมาณ 20-25% ของพอร์ตรวม หากรับความเสี่ยงได้ปานกลาง ลงทุนหุ้นประมาณ 50% กรณีรับความเสี่ยงได้สูงลงทุนหุ้นประมาณ 80% และแนะนำให้กระจายการลงทุนในหลายภูมิภาค และการลงทุนแต่ละธีมไม่ควรกระจุกตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง”นายบดินทร์ กล่าว
ttb smart port SSF โมเดลพอร์ตกองทุนลดหย่อนภาษีสำเร็จรูป
อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนที่ไม่สะดวกเลือกลงทุนกองทุนลดหย่อนด้วยตนเอง กองทุน ttb smart port SSF กองทุนน้องใหม่จาก Thanachart Fund Eastspring
นางกิดาการ ชัฏสุวรรณ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์กองทุนรวม ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี (ttb) กล่าวว่า กองทุน ttb smart port SSF เป็นโมเดลพอร์ตกองทุนลดหย่อนภาษีสำเร็จรูปที่ไปลงทุนใน ttb smart port ในสัดส่วนประมาณ 95-100% ซึ่งถือเป็นกองทุนลดหย่อนภาษีที่มีการจัดพอร์ตกองทุนโดยมืออาชีพ มีผู้เชี่ยวชาญช่วยปรับแผนการลงทุนที่เหมาะสม และคัดสรรกองทุนจาก 30,000 กองทุนทั่วโลก ภายใต้แนวคิด “ลงทุนง่าย สบายใจ ใครก็มีโอกาสรับผลตอบแทนดี”
ปัจจุบันกองทุน ttb smart port SSF มีทั้งหมด 5 พอร์ตลงทุน ที่ออกแบบให้เหมาะกับทุกสไตล์การลงทุน ไม่ว่าจะอยากรักษาเงินต้น ต้องการเอาชนะเงินเฟ้อ ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย ต้องการให้เงินต้นเติบโตรับความเสี่ยงได้ หรือแม้แต่ต้องการลงทุนในหุ้นทั่วโลก ก็ตาม
ลดหย่อนภาษีผ่านประกันชีวิต
สำหรับผู้ที่สนใจลดหย่อนภาษีผ่านประกันชีวิต นายเธียรวิชญ์ จิตตมานนท์กุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายฝึกอบรม บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต แนะนำ เครื่องมือดิจิทัล “ทีทีบี สมาร์ทโพรเทค” (ttb smart protect) เพื่อหาประกันที่เหมาะสม ผ่านการตอบคำถามสั้น ๆ เพื่อช่วยให้สำรวจและประเมินความคุ้มครองของตนเองใน 3 ด้านหลัก คือ สุขภาพและโรคร้ายแรง ออมเกษียณ และดูแลคนข้างหลัง และแสดงผลการวิเคราะห์ว่าความคุ้มครองในแต่ละด้านเป็นอย่างไร
สำหรับโค้งสุดท้ายนี้ทางพรูเด็นเชียลมีผลิตภัณฑ์ ทีทีบี อีแวลู เซฟเวอร์ 12/5 (ttb e-value saver 12/5) ชำระค่าเบี้ยเพียง 5 ปี รับความคุ้มครองชีวิตตลอดสัญญา 12 ปี ผ่านแอป และสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าทีทีบีที่ซื้อผ่านแอป ttb touch ระหว่างวันที่ 15 พ.ย. – 31 ธ.ค. 64 จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากสูงสุด 10,000 บาท ต่อกรมธรรม์