โดย…ณัฏฐะ มหัทธนา ผู้อำนวยการอาวุโส
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์
บลจ.กรุงไทย (KTAM)
ดัชนี ATX หุ้นออสเตรีย -3.1% หนักสุดกว่า 1 ปี รับข่าวรัฐบาลประกาศ Lockdown ทั่วออสเตรียมีผล 22 พ.ย. หลังสั่งล็อคเฉพาะคนไม่ฉีดวัคซีนตั้งแต่ 15 พ.ย. ยังเอาไม่อยู่ ทั้งนี้ อุณหภูมิยุโรปเย็นลงส่งเสริมการแพร่กระจายของไวรัสทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดพุ่งหลายพื้นที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) รายงาน 16 พ.ย. ยุโรปเป็นภูมิภาคเดียวที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่มขึ้น (+5%) ในสัปดาห์ล่าสุด “เยอรมนี” ตกเป็นข่าวในเวลาไล่เลี่ยกัน ทว่านายกฯ ใกล้เกษียณ Angela Merkel ยังไม่ใช้ยาแรง โดยออกเกณฑ์จำกัดสิทธิแค่คนไม่ฉีดฯ ตามข้อเสนอ 3 พรรคร่วมรัฐบาลใหม่ SPD, Liberal และ Green อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสาธารณสุขเมืองเบียร์ระบุ lockdown ทั่วประเทศ “อาจเป็นทางเลือก” แม้รัฐบาลของนานาชาติส่วนใหญ่เคยยืนยันว่าจะไม่กลับไปใช้มาตรการรุนแรงดังกล่าวอีก
ยูโรอ่อนค่า มุมมองเศรษฐกิจแผ่ว Christine Lagarde ประธาน ECB ย้ำ “ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย” กดหุ้นแบงก์ -2.3% แย่กว่าตลาดยุโรปภาพรวมเมื่อวันศุกร์ หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์เมื่อคนอยู่บ้าน (stay-home stocks) อาทิ ธุรกิจอาหารสำเร็จรูป ฟู้ดเดลิเวอรี่ คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ พุ่งสวนหุ้น “เปิดเมือง” (reopening) ท่องเที่ยว สายการบิน ที่ปรับตัวลง
Morgan Stanley เตือน 3 ปัจจัยเสี่ยงยุโรป อาจทำให้ตลาดหุ้นปรับฐาน (ลงเกิน -10%) ในบางช่วงของปี 2022
- 1. ดีมานด์อาจอ่อนแอกว่าคาด พาบรรยากาศเศรษฐกิจเข้าสู่ stagflation กดดันอัตรากำไรบริษัท
- ความเสี่ยงการเมืองเพิ่มขึ้น อาจมาจากการเลือกตั้งฝรั่งเศส (เม.ย.) ประเด็นขัดแย้งด้านการค้า UK-EU ฯลฯ
- ECB อาจลดอัตราซื้อสินทรัพย์ ส่งผลกระทบต่อตลาดการเงิน
กรณีฐาน (base case) ในมุมมองของ Graham Secker หัวหน้าทีมกลยุทธ์หุ้นยุโรป Morgan Stanley เชื่อว่าทั้ง 3 ประเด็นดังกล่าวคงไม่รุนแรง ขณะปัจจัยลบระดับโลก supply chain disruptions ควรเริ่มคลี่คลาย สถานการณ์ที่เป็นไปได้มากสุดคือ เศรษฐกิจขยายตัวต่อไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี หนุนกำไรบริษัทเติบโต
“หุ้นยุโรป” และ “หุ้นญี่ปุ่น” มีโอกาส outperform เหนือกว่าสหรัฐและตลาดเกิดใหม่ตามความเห็นของ Secker ระดับราคาหุ้นยุโรป “ถูกเป็นประวัติการณ์” เทียบกับ P/E หุ้นสหรัฐ นอกจากนี้ หุ้นเยอรมัน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากความเชื่อมโยงด้านการค้ากับจีน ก็น่าจะได้ลมหนุนหากเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกดูดีขึ้นช่วง Q1 ดังที่เขาคาดไว้ สรุปว่า Morgan Stanley มองปรับฐานเป็นจังหวะซื้อ ขณะค่ายใหญ่อื่นๆเช่น Goldman, Credit Suisse ชี้หุ้นยุโรปไปต่อปีหน้า
ธีมเปิดเมือง (reopening) มีบทบาทน้อยลงสำหรับหุ้นยุโรปตั้งแต่เข้าสู่ครึ่งปีหลัง เราสังเกตเห็นในรายงานของผู้จัดการกองทุนหลัก KT-EURO จากเดิมครึ่งปีแรกมี 3 ธีม: Digitalisation of Europe, Green Economy และ Post-Covid Normalisation (หุ้นเปิดเมืองอยู่ในนี้) แต่พอถึงเดือน ก.ค. ข้อสุดท้ายก็หายไปเหลือเพียง digital กับ green
เราปรับมุมมองหุ้นยุโรป “โฟกัสกลุ่มเทคโนโลยี” ตั้งแต่ ก.ย. เป็นต้นมา KTAM Weekly ฉบับล่าสุด (15-19 พ.ย.) หุ้นยุโรป overweight “เข้าสู่ Mid-Cycle ด้วย KT-EUROTECH” หุ้นธีมเปิดเมืองลดความนิยมลงไปเพราะยุโรปเปิดมานานแล้ว เศรษฐกิจฟื้นต่อเนื่องจน ECB เตรียมลดการซื้อสินทรัพย์ ยุโรปเข้าสู่ “กลางวัฏจักร” น่าจะกระตุ้นให้เงินลงทุนโฟกัสหุ้นเติบโตสูงที่อิงปัจจัยขับเคลื่อนระยะยาวมากยิ่งขึ้น กลุ่มหลักๆได้แก่ เทคโนโลยี และ climate change
ว่าที่แชมป์ (หุ้น) ยุโรป ท่ามกลางสถานการณ์ lockdown บางพื้นที่ตลอดจนหลายปัจจัยเสี่ยงปี 2022 คงมิได้จำกัดเพียง stay-home stocks (พอคลายล็อคแล้วคนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านก็หงอย) แต่น่าจะเป็นกลุ่มใหญ่กว่านั้นคือ “เทคยุโรป” ซึ่งขับเคลื่อนด้วย 2 นโยบายระยะยาวของภูมิภาค (และโลก) ได้แก่ Digitalisation และ Green Economy ทั้งนี้ ลักษณะการทำธุรกิจแบบ B2B มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน อัตรากำไรสูง น่าจะช่วยให้หลายบริษัทเทคโนโลยียุโรป “ทนทาน” ต่อภาวะเงินเฟ้อสูง (หรือแม้แต่ stagflation) และเมื่อต้องเผชิญความเสี่ยงการเมือง ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่น่าจะได้เปรียบหุ้นขนาดเล็กหากอนาคต ECB จะถอนนโยบายผ่อนคลายอันเป็นการลดสภาพคล่องในตลาด
เทคยุโรป ได้เปรียบ เทคสหรัฐ ในแง่ปัจจัยมหภาค เพราะเฟดเริ่มลด QE และน่าจะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่า ECB ตลาดยูโรโซนจึงมีสภาพคล่องสูงกว่าตลาดสหรัฐ ดังนั้น หากล็อคตัวแปรอื่นๆไว้แล้วพิจารณาเพียงสภาพคล่อง หุ้นเทคยุโรปก็ควรขยับไปเทรด ณ ระดับราคาสูงขึ้นได้สะดวกกว่าหุ้นเทคสหรัฐ ขณะความสามารถปรับตัวเข้ากับกฎระเบียบเข้มงวดก็เป็นอีกจุดเด่นของเทคยุโรปซึ่งสำคัญมากในยุคปัจจุบัน
KT-EUROTECH เป็นตัวเลือกแรกสำหรับหุ้นยุโรป (มุมมองปัจจุบันของเรา) ลงทุนในหน่วยของ JPMorgan Funds -Europe Dynamic Technologies Fund (กองทุนหลัก) เน้นบริษัทในภูมิภาคยุโรปที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเป็นหลัก ธุรกิจที่ลงทุนได้มีหลากหลาย อาทิ Sustainability: Biofuel, EVs & Charging, Wind & Solar power / Digitalisation: Big data, E-commerce, Video gaming / Sustainable & Digital enablers: 5G, IT consulting, Semiconductors & Foundry เป็นต้น (ระดับความเสี่ยงกองทุน = 6)
คำเตือน: ความเห็นส่วนบุคคล ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน คู่มือการลงทุน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
https://www.cnbc.com/2021/11/19/europe-markets-investors-watch-data-earnings-and-covid.html